ทวงสัญญาหยุดทิ้งขยะในป่าสงวน – ประจวบคีรีขันธ์ – นายแดง แก้วชิงดวง ประธาน ชาวประมงเรือเล็กชุมชนคลองบางนางรม เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากเทศบาลเมืองประจวบฯ นำขยะวันละกว่า 25 ตันไปบำบัดในพื้นที่ชุ่มน้ำ เขตป่าสงวนแห่งชาติคลองบางนางรม และทับซ้อนในที่ดินตามหนังสือสำคัญที่หลวง เนื้อที่ 1,073 ไร่ ของจังหวัดที่ออกทับเขตป่าสงวนฯ เมื่อปี 2540 โดยจุดดังกล่าวห่างจากศาลากลางจังหวัด 500 ม.

โดยก่อนหน้านี้ ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองฯ ไม่เห็นด้วยกับการใช้พื้นที่ เนื่องจากเมื่อปี 2552 ผู้บริหารขณะนั้นจะใช้งบมากกว่า 100 ล้านบาท สร้างบ่อขยะฝังกลบในบริเวณเดียวกัน แต่มีชาวบ้านและนักการเมืองกลุ่มที่มีอำนาจ ในปัจจุบันร่วมกันคัดค้านการใช้พื้นที่

ที่ผ่านมาชาวบ้านคัดค้านการใช้พื้นที่เกรงว่าจะมีผล กระทบสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเทศบาลไม่เคยสอบถามความเห็น แต่ผู้บริหารเทศบาลอ้างว่าจะขอทิ้งขยะในพื้นที่ถึงวันที่ 7 ส.ค.นี้ โดยจะนำขยะในเขตเทศบาลจ้างเอกชนไปทิ้งที่ จ.ชุมพร เมื่อครบกำหนดจะทวงถาม เพื่อให้ นำขยะใกล้พื้นที่ปลูกป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติ ใกล้กับชุมชนแหล่งท่องเที่ยว ไปทิ้งพื้นที่อื่น ซึ่งชาวบ้านจะให้โอกาสเทศบาลนำขยะในจุดดังกล่าวออกไปภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้

นางกุหลาบ แฝงแก้ว ประธานสภาเทศบาลเมือง ประจวบฯ กล่าวว่า การใช้งบประมาณกำจัดขยะจะต้องใช้งบเพิ่มขึ้น ทำให้มีปัญหากระทบสถานะการเงิน การคลัง และอาจขัดแย้งกับข้อมูลจากการแถลงนโยบาย ของนายกเทศมนตรีต่อสภาที่แจ้งว่าจะลดรายจ่ายในการบำบัดขยะ และหลังจาก ส.ท.เสียงข้างมากยกมือให้ทำกิจการนอกเขตทิ้งขยะนอกจังหวัดเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว จะติดตาม ขั้นตอนการว่าจ้างเอกชนว่าจะดำเนินการได้ก่อนวันที่ 31 ส.ค.นี้หรือไม่

จ่าเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้าน การทุจริต จ.ประจวบฯ กล่าวว่า ที่ดินในแปลงที่ทิ้งขยะอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งมติกรรมการ กบร.จังหวัด แจ้งให้กรมที่ดินเพิกถอนการออกเอกสารสิทธิที่ดิน ทุกแปลงที่ออกเอกสารสิทธิทับที่ป่าสงวนแห่งชาติ แต่ปัจจุบันยังไม่คืบหน้า ทำให้มีผู้อ้างสิทธิครอบครอง และพบว่า จ.ประจวบฯรังวัด นสล.ทับที่ป่าสงวนแห่งชาติ ทำให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ปกครอง เจ้าพนักงานที่ดินเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 157

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน