บทสรุปโตเกียว2020สอบผ่านหรือไม่ – ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ “โตเกียว 2020” ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ช่วงเวลาแห่งความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของแฟนกีฬา ชาวไทยที่กำลังประสบวิกฤตโควิด-19 ในประเทศ

ทัพนักกีฬาไทยกลับบ้านพร้อม 1 เหรียญทองจาก “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เทควันโดรุ่น 49 ก.ก.หญิง ซึ่งถือเป็นเหรียญทองแรกจากกีฬา เทควันโด และ 1 เหรียญทองแดงจาก “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี มวยสากลสมัครเล่นรุ่นไลต์เวต ซึ่งก็ถือเป็นเหรียญแรกจาก นักชกหญิงที่ทำได้ และเป็นเหรียญแรกของมวยสากลหลังรอคอยมานาน 9 ปี

และหากมองลึกลงไปในรายละเอียด นักกีฬาไทยหลายคนที่มีผลงานน่าพอใจ อาทิ ยิงเป้าบิน สกีตหญิง “วอร์ม” อิศราภา อิ่มประเสริฐสุข สร้างเซอร์ไพรส์เข้าไฟนอล ไปได้ไกลถึงอันดับ 4, เศวต เศรษฐาภรณ์ มือปืนรุ่นเก๋าก็ออกตัวได้ดีในรอบคัดเลือกแต่พลาดไปแค่นิดเดียวเท่านั้น จบอันดับ 17, เทเบิลเทนนิส หญิงเดี่ยว “หญิง” สุธาสินี เสวตรบุตร ผ่านเข้าถึง 16 คนสุดท้ายเป็น นักตบลูกเด้งไทยคนแรกที่ผ่านเข้าถึงรอบนี้ได้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับ “เมย์” รัชนก อินทนนท์ เกือบจะได้เข้าตัดเชือกเมื่อแพ้ให้ ไท่ ซื่อ หยิง นักตบไต้หวันไปแบบเบียดสูสี

โดยผลงานของนักกีฬาไทยภาพรวมนั้นอยู่ในอันดับ 59 ของตารางโตเกียว 2020 เป็นอันดับ 12 ของชาติเอเชีย และรั้งอันดับ 3 ของกลุ่มอาเซียน

“ดร.ก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า ส่วนตัวยังไม่พอใจที่เราได้เหรียญน้อยแค่นี้ แต่ว่าก็ต้องขอบคุณนักกีฬาที่สร้างความสุขให้คนไทย นักกีฬาหลายคนเกือบคว้าเหรียญได้ เราก็ต้องผลักดันพวกเขาต่อไป

“โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้เรามองในแง่ดีว่า แม้ว่าเราไม่มียกน้ำหนักที่เคยคว้าเหรียญให้เราได้ แต่เรามีเหรียญประวัติศาสตร์จากเทควันโด และมวยสากลที่เราไม่เคยคว้าเหรียญมา 9 ปีแล้ว และยังมีปรากฏการณ์คว้าเหรียญประวัติศาสตร์เหรียญแรกของมวยสากลหญิง

ซึ่งผมมองว่ามวยหญิงหลายคนมีศักยภาพ เพราะอายุยัง ไม่มากหลายคน เป็นความหวังใหม่นอกจากมวยสากลชาย จากครั้งก่อนเราคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้จากยกน้ำหนักและมวยสากล แต่ครั้งนี้เป็นการเพิ่มชนิดกีฬาเทควันโด และก็เพิ่มนักมวยสากลหญิงที่คว้าเหรียญทองได้ ผมคิดว่าเป็นทิศทางที่ดีขึ้น เพราะเราไม่ได้หวังที่ชนิดกีฬาใดชนิดกีฬาหนึ่งมากเกินไปนัก แต่ก็ยังหวังว่าในโอลิมปิกครั้งหน้าจะมีนักกีฬายกน้ำหนักเข้าร่วมการแข่งขันด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำเหรียญรางวัลมากขึ้น

โอลิมปิกเกมส์ครั้งหน้าที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี 2024 เราจะทำผลงานได้ดีขึ้น ส่วนปัจจัยเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ก็ไม่อยากจะใช้เป็นข้อแก้ตัว เพราะประเทศอื่นก็โดนโควิดเหมือนกัน ดังนั้น เราจะต้องมีการปรับตัวในการเตรียมนักกีฬาให้เข้ากับสถานการณ์เช่นนี้”

โตเกียวเกมส์ครั้งนี้ถือเป็นโอลิมปิกเกมส์ของนักกีฬาหน้าใหม่ของไทยมากถึง 27 คน (65.85%) และนักกีฬาที่มาแข่งขันโอลิมปิกเกมส์หนแรกก็ทำผลงานได้น่าสนใจทีเดียว โดยเทียบผลงานแล้วปรากฏว่า นักกีฬาที่พัฒนาศักยภาพได้ดีขึ้นถึง 27 คน 65.85%

“เราอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านนักกีฬา นักกีฬารุ่นใหม่ๆ ทำผลงานได้ดีขึ้น อาทิ เทเบิลเทนนิส, ยิงเป้าบิน, ขว้างจักร (สุเบญรัตน์ อินแสง) เช่นเดียวกับมวยสากลสมัครเล่นหญิงที่ได้โควตา 3 คน และผ่านเข้าถึงรอบ 8 คนได้ถึง 2 รุ่น ซึ่งกกท.จะนำข้อมูลต่างๆ สถิติ ปัญหาอุปสรรค ประมวลเพื่อจะได้นำเสนอไปยังไปยังรัฐบาลได้พิจารณาถึงรายละเอียด”

ส่วนโอลิมปิกเกมส์ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งต้องยอมรับว่าระหว่างการเดินทางไปถึงปารีส 2024 เราอาจจะต้องอยู่ในสถานการณ์โควิดอีกระยะ ทำให้ต้องเตรียมแผนการเตรียมทีมให้ดีที่สุด

“ผมได้เตรียมแผนเอาไว้แล้ว ทั้งเรื่องการฝึกซ้อมในสถานการณ์แบบนี้จะเป็นการฝึกซ้อมที่บ้าน การฝึกซ้อมแบบปิด ซึ่งเราก็จะเริ่มเก็บตัวนักกีฬาเลยตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้ เพื่อเตรียมเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชียน อินดอร์ แอนด์ มาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนมีนาคมปีหน้า

ในส่วนของการเตรียมโอลิมปิกเกมส์ 2024 เราก็เริ่มดำเนินการเลย ก็จะทำให้ปรับเข้ากับสถานการณ์ให้ดีที่สุด เพราะเราเห็นว่าชาติเพื่อนบ้านก็อยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน เช่น ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งเราคงจะดูแต่ตัวเองไม่ได้แล้ว เราต้องดูเพื่อนบ้านด้วยว่าเขาพัฒนาถึงไหนกันแล้ว ซึ่งผลงานของฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียเขาดีขึ้นมากทั้งที่ก็โดนโควิดเหมือนกัน” บิ๊กก้องกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน