จาก ‘สยาม’มาเป็น‘ไทย’

ทําไมเราต้องเปลี่ยนชื่อจากสยามเป็นไทย

แวววรรณ

ตอบ แวววรรณ

พบคำตอบในบทความ “จาก สยาม มาเป็น ไทย แล้วทำไม ไทย จึงต้องมี ย” โดย พล อิฏฐารมณ์ ว่า “ไท” เป็นชื่อของกลุ่มชนที่ใช้ภาษาตระกูลไท รวมถึงกลุ่มชนบางส่วนในภาคอีสานของอินเดีย (อาหม) ที่ปัจจุบันมิได้พูดภาษาตระกูลไทแล้ว และชาวไทยในประเทศ ไทยก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ใช้ภาษาตระกูลไทเช่นกัน ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ประเทศ “สยาม” กลายมาเป็นประเทศ ไทย ด้วยจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีใน ขณะนั้น ต้องการเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับ “เชื้อชาติ” ของคนในประเทศ โดยแถลงต่อสภาในปี พ.ศ. 2482 ว่า

“นามประเทศของเราที่ใช้เรียกกันอยู่ทุกวันนี้ ก็ได้ด้วยความเคยชิน หรือได้จดจำเรียกกันต่อๆ มา และได้พยายามให้เจ้าหน้าที่ค้นในทางประวัติศาสตร์ก็ไม่ปรากฏว่าใครเป็นคนที่ได้ตั้งขึ้นคราวแรก และตั้งแต่ครั้งใดก็ไม่ทราบ เป็นแต่ว่าเราได้เรียกมาเรื่อยๆ เรียกว่าประเทศสยาม และคำว่าประเทศสยามนั้นก็มักจะใช้แต่ในวงราชการ นอกจากนั้นก็ในวงของชาวต่างประเทศเป็นส่วนมาก ส่วนประชาชนคนไทยของเราโดยทั่วไป เฉพาะอย่างยิ่งตามชนบทด้วยแล้ว เราจะไม่ค่อยใช้คำว่า ประเทศสยาม เราใช้คำว่าไทย

การที่เราได้เปลี่ยนให้ขนานนามว่าประเทศไทย ก็เพราะเหตุว่าได้พิจารณาดูเป็นส่วนมากแล้วนามประเทศเขามักเรียกกันตามเชื้อชาติของชาติที่อยู่ในประเทศนั้น เพราะฉะนั้นของเราก็เห็นว่าเป็นการขัดกันอยู่ เรามีเชื้อชาติเป็นชาติไทย แต่ชื่อประเทศเป็นประเทศสยาม จึงมีนามเป็นสองอย่าง ดังนี้ ส่วนมากในนานาประเทศเขาไม่ใช้กัน”

อีกเหตุผลสำคัญของจอมพล ป. ที่ “สยาม” จำต้องเปลี่ยนเป็น “ไทย” ก็เพราะเกรงว่า หากยังคงชื่อสยามไว้ ภายหลังอาจมีชนชาติอื่นอพยพเข้ามามากขึ้นแล้ว “ประเทศสยาม” อาจถูกชนชาตินั้นๆ อ้างเอาได้ว่า ประเทศนี้เป็นของตน

อย่างไรก็ดี คำแถลงของจอมพล ป. ไม่ได้บอกถึงเหตุผลว่าทำไมคำว่า “ไทย” ใน ชนชาติไทยที่ตนอ้างถึงจึงต้องมี “ย” ด้วย

เบาะแสอันเป็นสาเหตุนั้น ปรากฏอยู่ในบทความ “เนื่องด้วยประวัติศาสตร์ชาติไทย” โดย สมภพ ภิรมย์ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ที่กล่าวว่า ก่อนจะมีการตกลง ใช้คำว่า “ไทย” เป็นชื่อประเทศแทนคำว่า “สยาม” ได้มีการถกเถียงกันในสภามาก่อน โดยผู้ที่สนับสนุนให้ใช้คำว่า “ไทย” มี “ย” เป็นผู้ชนะในการลงมติไปด้วยคะแนนเสียง 64 ต่อ 57 ด้วยเหตุผลว่า

‘ไทย มี ย เปรียบเหมือนผู้หญิงที่ ดัดคลื่น แต้มลิปสติก เขียนคิ้ว ส่วนไทย ไม่มี ย เปรียบเหมือนผู้หญิงที่งามโดยธรรมชาติ แต่ไม่ได้ตกแต่ง’ (น.ส.พ.สุภาพบุรุษ 30 ก.ย.2482)

ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้สมภพกล่าวว่า “การจะใช้คำว่า ไท หรือ ไทย นั้น ควรต้องอาศัยหลักภาษาศาสตร์ หลักอักษรศาสตร์ และหลักนิรุกติศาสตร์ เป็นข้อพิจารณาเป็นข้อตัดสินตกลงทางวิชาการ มิใช่การออกเสียงเอาชนะกันในสภาผู้แทนราษฎร”

ทั้งนี้ จิตร ภูมิศักดิ์ ได้เคยชี้ไว้ว่า คำว่า “ไทย” ที่มี “ย” เกิดจากความเฟื่องฟูของภาษาบาลีและสันสกฤต เพราะแต่เดิมภาษาบาลีไม่มีสระไอ แต่ก่อนเขียนคำว่า “ไท” ในภาษาบาลีว่า เทยฺย เมื่อจะเขียนเป็นภาษาไทย จึงเอา ย. ยักษ์ พ่วงท้ายเข้าให้ด้วย ไท+ย จึงเป็นคำว่า “ไทย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน