หลวงพ่อหวั่น กุสลจิตโต วัดคลองคูณ จังหวัดพิจิตร“พระครูพิพิธธรรมาทร” หรือ “หลวงพ่อหวั่น กุสลจิตโต” อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองคูณ ต.คลองคูณ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ได้รับการยกย่องเป็นพระเกจิ อาจารย์ระดับแนวหน้ารูปหนึ่งของพิจิตร

มีนามเดิมว่า หวั่น แพนนท์ เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 2 ก.ย. 2478 ที่บ้านคลองคูณ หมู่ 2 ต.คลองคูณ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร บิดา-มารดาชื่อ นายหมึก และ นางขอด แพนนท์

ชีวิตในช่วงเยาว์วัยเป็นเด็กที่สัมผัสชีวิตอยู่กับธรรมชาติในชนบท มีจิตใจสงบ เยือกเย็น ใกล้ชิดกับวัด ติดตามพ่อแม่ไปทำบุญฟังธรรมอยู่เสมอ พร้อมทั้งช่วยเหลือพ่อแม่ประกอบอาชีพเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู เท่าที่กำลังเด็กจะทำได้

เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2499 โดยมีพระครูพิเศษธรรมรัตน์ วัดหาดแตงโม อ.ตะพานหิน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระใบฎีกา นนท์ วัดไผ่หลวง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระธรรมธรสง่า วัดไซลงโขน เป็น พระอนุสาวนาจารย์ได้รับนามฉายาว่า “กุสลจิตโต” มีความหมายว่า ผู้มีจิตในธรรมอันเป็นกุศล

เมื่อบวช 3 พรรษา ได้รับความศรัทธาจากชาวบ้านและคณะสงฆ์มอบหมายให้เป็นพระพี่เลี้ยงดูแลอบรมพระนวกะและได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาส พ.ศ.2503 ครั้นพรรษาครบ 5 จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่พ.ศ.2505

การศึกษาพุทธาคม ศึกษาอักขระเลขยันต์จากพ่อ ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่จันทร์ อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองคูณ ศึกษาตำราเก่าแก่ของหลวงปู่โพธิ์ วัดวังหมาเน่า รวมทั้งพระอาจารย์รอด และหลวงพ่อจันทร์ วัดคลองคูณ พระเกจินามอุโฆษในอดีต

เป็นพระเกจิที่มีปฏิปทางดงาม เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวอ.ตะพานหิน และจังหวัดใกล้เคียง กิจวัตรประจำวันท่านจะออกมานั่งรอต้อนรับ ญาติโยมและลูกศิษย์ที่เดินทางมากราบนมัสการทุกวัน

พ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอกในราชทินนามที่ พระครูพิพิธธรรมาทร

ชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่กล่าวขวัญในหมู่ศิษย์ยิ่งนักถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ และจริยวัตร ทำให้ได้รับกิจนิมนต์ไป นั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพื้นที่ภาคกลางและพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลสำคัญ ทั่วประเทศ

ด้านวัตถุมงคลที่สร้างล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยม อาทิ พระพิมพ์สมเด็จด้านหลังรูปเหมือนหลวงพ่อหวั่นครึ่งองค์, เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์หลวงพ่อหวั่น, ฯลฯ

เดินหน้าพัฒนาวัดและจิตใจของชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง เป็นศูนย์รวมใจของชาวชุมชน

ด้วยสังขารไม่เที่ยง วันที่ 21 มี.ค.2564 คณะแพทย์นิมนต์ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลวังทรายพูน โดยมีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด

จนเมื่อวันอังคารที่ 11 พ.ค.2564 มีอาการไข้ ความดันโลหิตต่ำ ตรวจเลือดและพบว่ามีภาวะเลือดเป็นกรด สมดุลเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ จึงปรับยาปฏิชีวนะและยาลดความเป็นกรดของเลือด

คณะแพทย์ได้รักษาอาการอาพาธอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่ทุเลาลงและได้ทรุดลงตามลำดับ

กระทั่งเวลา 17.00 น. วันที่ 11 พ.ค.2564 จึงมรณภาพด้วยอาการสงบ ที่โรงพยาบาลวังทรายพูน

สิริอายุ 89 ปี พรรษา 68

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน