เมรุวัดไผ่ล้อมต้องพักซ่อม ใช้งานหนัก-เผาศพโควิด“พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กิตติจิตโต” หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม นำคณะสงฆ์ประกอบพิธีฌาปนกิจแบบ เร่งด่วนให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 เป็นรายที่ 142 ซึ่งเป็นโครงการสวด เผาฟรี โดยกองทุนหลวงพ่อพูล ท่ามกลางญาติและคนในครอบครัวของผู้เสียชีวิตเดินทางมาร่วมในพิธี ร่วมส่งดวงวิญญาณสู่สุคติเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความสงบ ที่ฌาปนสถาน วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม

โดยก่อนพิธีการ หลวงพี่น้ำฝนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของวัดไผ่ล้อมและฝ่ายช่างสำรวจเตาเผาศพอย่างละเอียดมากขึ้น รวมถึงขณะที่กำลังเผาศพที่ต้องใช้อุณหภูมิสูงสุด ให้ตรวจสอบความร้อนและรอยแตกร้าวที่กำลังเกิดขึ้นหลายแห่ง เนื่องจากขณะกำลังทำพิธีเผาศพให้กับผู้เสียชีวิตรายการก่อนหน้า ปล่องควันยอดเมรุเกิดรอยร้าวและแตกหักหล่นลงหลังคาเสียงดัง สร้างความตกใจแก่สัปเหร่อและเจ้าหน้าที่ ที่กำลังเผาร่างผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อโควิด-19

หลวงพี่น้ำฝนกล่าวว่า วัดไผ่ล้อมเผาศพทุกวันไม่มีวันหยุด ซึ่งปกติจะเผาอยู่ที่วันละ 2 ศพ ได้เพิ่มยอดการเผาเป็น 3 ศพ กระทั่งไม่นานมานี้ ให้เจ้าหน้าที่และฝ่ายช่างตรวจสอบความเสียหายทั้งหมด พบว่าที่ยอดเมรุเกิดความร้อนสะสมอย่างต่อเนื่องทำให้ปูนผุกร่อนและมีหลายแห่งกำลังจะพังลงมา ส่วนที่ตัวปล่องควันอิฐมีการแตกร้าวและเริ่มร้าวกว้างมากขึ้น

ซึ่งรอยร้าวจะแผ่กว้างขึ้นทุกครั้งที่มีการเผาศพ 1 ศพ และเมื่อตรวจสอบในช่องบรรจุโลงสำหรับเผา ก็พบว่าอิฐที่วางเรียงอยู่ภายในก็สึกกร่อนมาก ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์พบว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อและ ผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียงก็ยังไม่ลดลง

การประสานขอจองเมรุเผาศพที่วัดไผ่ล้อมก็มีคิวจ่อมาไม่หยุด จึงได้มีการวางแผนที่จะซ่อมแซมส่วนที่เสียหายและสร้างเตาเผาแบบคู่ขึ้นมาเพื่อรองรับการเผาศพให้เพียงพอและทันต่อสถานการณ์ในช่วงนี้

“เมรุและเตาเผาศพที่วัดไผ่ล้อมจัดสร้างขึ้นมานี้ มีอายุการใช้งานมา 16 ปีแล้ว ซึ่งโยมมารดาของอาตมาได้นำเงิน 1.5 ล้านบาทมาถวายเพื่อทำเป็นเมรุแบบปลอดมลพิษไร้ควัน ซึ่งในเวลาปกติก็ไม่ได้มีศพเข้ามามากมายขนาดนี้ แต่ในช่วง 2 ปีมานี้ เฉพาะศพที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 นั้นพุ่งไปถึง 140 กว่าศพ

ยิ่งระยะหลังจำนวนผู้เสียชีวิตไม่มีทีท่าลดลงทำให้เตาเผาและเมรุของวัดไผ่ล้อมทำงานหนักทุกวัน สุดท้ายก็ทนกับสภาพการใช้งานหนักไม่ไหว และไม่ใช่แค่ที่ศพโควิด-19 แต่เมรุที่นี่เผามาตั้งแต่ครั้งที่โรคเอดส์ระบาดหนัก มาถึงผู้ป่วยด้วยโรคร้ายอื่นๆ ที่วัดตั้งแต่ยุคเก่าไม่กล้ารับ

จนมาถึงยุคนี้ที่วัดไผ่ล้อมเป็นวัดแรกที่ประกาศในการรับเผาศพที่ติดเชื้อโควิด-19 เป็นวัดแรกๆ ถึงแม้ทางวัดจะดูแลเมรุเป็นอย่างดี แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวกับการใช้งานหนัก จึงถึงเวลาที่ต้องเร่งซ่อมและสร้างเมรุแบบเตาคู่ไปเลยในคราวเดียว แต่เราจะไม่หยุดการเผาศพที่ติดเชื้อมา อาตมภาพได้วางแผนรองรับมาตรการไว้หมดแล้ว รวมถึงพิธีการก็จะยังคงพิธีการครบถ้วนเหมือนเดิมทุกอย่าง” หลวงพี่น้ำฝนกล่าว

หลวงพี่น้ำฝนกล่าวอีกว่า สำหรับการสร้างเตาแบบคู่ขึ้นมา จะทำให้วัดไผ่ล้อมมีศักยภาพในการเผาศพได้มากขึ้น จากเดิมที่เคยเผาได้สูงสุดวันละ 3 ศพ ก็จะสามารถเผาได้วันละ 6 ศพ เนื่องจากเตาเผาชุดใหม่จะใช้น้ำมันลดลงจาก 80 ลิตรเหลือเพียง 30 ลิตรต่อศพ และใช้เวลาในการเผาลดลงจาก 5-6 ชั่วโมงเหลือเพียง 3 ชั่วโมงต่อศพ โดยจะเป็นการทั้งลดเวลา ลดค่าใช้จ่าย แต่สามารถทำงานได้มากขึ้นด้วย

โดยตอนนี้ได้วางแผนไว้หมดแล้วว่าในช่วงการบูรณะซ่อมแซมเมรุเก่าและก่อสร้างเตาเผาศพเพิ่มเป็น 2 เตา จะมีการวางแผนบรรจุโลงศพขึ้นที่ด้านหลังของเตา ซึ่งสามารถทำได้ และแบ่งส่วนสร้างกับซ่อมให้สอดคล้องกัน โดยทีมช่างมีการวางแผนไว้ครบถ้วนแล้ว

ผู้มีศรัทธาต้องการจะร่วมทำบุญซ่อมแซมเมรุ บริจาคได้ที่บัญชี “กองทุนสวด เผา ฟรี วัดไผ่ล้อม นครปฐม” ธ.กสิกรไทย สาขาตลาดปฐมมงคล เลขบัญชี 516-1-01179-9 หรือโทร.สอบถาม 09-5441-9979

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน