คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ย้อนอีกคดีตร.แตกแถว
ควงปืนชิงทอง3.5ล้าน
ยิงสนั่นบิ๊กซีปากช่อง

“เนื้อไหนร้ายเราก็ตัดทิ้ง” พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช. ภาค 3 กล่าวระหว่างแถลงปิดคดีจี้ห้างเพชรทองเยาวราช ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และยิงเจ้าของร้านบาดเจ็บ

ถ้อยคำดังกล่าวสอดคล้องกับที่ พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์หลังเกิดคดีผกก.โจ้ ที่ว่า “หากนิ้วไหนไม่ดีก็ต้องตัดทิ้ง ส่วนตัวเชื่อว่าตำรวจส่วนใหญยังดี คนไม่ดีก็ต้องรับผลกรรม ที่ทำไว้ เราไม่สามารถเอาคนแบบนี้ไว้ได้ เพราะคนที่เหลือจะเดิน ไม่ได้ เป็นตำรวจก็ต้องรักษากฎหมาย เพราะถ้าประชาชนไม่เชื่อมั่นศรัทธาก็อยู่กันไม่ได้ประเทศนี้”

ย้อนไปเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 1 ก.ย.2564 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภาค 3 พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิษณุ วัตถุ รองผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์ ผกก.สภ.ปากช่อง ว่าที่พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.นิพนธ์ นิธิการุณเลิศ รอง ผกก.สืบสวน สภ.ปากช่อง ร่วมกันตรวจสอบ เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกเดี่ยวจี้ชิงทรัพย์ร้านทองชื่อห้างเพชรทองเยาวราช ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้า อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลังเกิดเหตุ

เมื่อไปถึงพบพนักงานหญิงอยู่ในอาการตกใจ ระบุ ผู้ก่อเหตุเป็นชาย 1 รายใส่เสื้อพนักงานไรเดอร์ส่งอาหาร ใช้ขวดบรรจุวัตถุไม่ทราบชนิดมาตั้งที่ร้าน ก่อนใช้อาวุธปืนที่อยู่ในถุงดำจี้พนักงานให้นำทองใส่กระเป๋า ก่อนเจ้าของร้านใช้จังหวะที่ผู้ก่อเหตุเผลอพยายามเข้าต่อสู้กับผู้ก่อเหตุ ก่อนมีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ทำให้นายดิษฐวัฒน์ อาศัยธรรม อายุ 39 ปี เจ้าของร้านทองได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนร้ายกวาดสร้อยทองน้ำหนัก 126 บาท มูลค่ากว่า 3.5 ล้านบาทหลบหนีไปอย่างใจเย็น นอกจากนี้ที่หน้าร้านยังพบก้อนวัตถุสีดำที่ถูกไฟไหม้ตกอยู่ 1 ก้อน และกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ 1 นัด

จากการตรวจสอบวงจรปิดในห้าง พบคนร้ายใส่ชุดไรเดอร์ส่งอาหารดังเข้ามาภายในห้าง โดยสวมแว่นตา คลุมหมวกปิดบังใบหน้า รูปร่างท้วม ถือกระเป๋าใส่อาหารเข้ามาด้วย โดยเมื่อมาถึงคนร้ายเปิดกระเป๋าหยิบขวดพลาสติกออกมาวาง จากนั้นใช้ไฟแช็กจุดสิ่งของในขวดจนเกิดควัน และเดินอ้อมไปบริเวณตู้เก็บทอง พร้อมล็อกและเอาปืนจ่อที่หัวพนักงานสาว บังคับให้เพื่อนพนักงานกวาดทองจากถาดในตู้โชว์ใส่ในกระเป๋า

ส่วนนายดิษฐวัฒน์นั่งอยู่หลังร้านได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งออกมาบอกพนักงานร้านแว่นท็อปเจริญ ซึ่งอยู่ติดกันให้ช่วยโทรศัพท์แจ้งตำรวจ เมื่อเดินย้อนกลับเข้าไปในร้านเห็นคนร้ายเผลอ จึงวิ่งเข้าล็อกคอคนร้ายดึงออกมานอกร้าน แต่คนร้ายเอี้ยวตัวยิงใส่นายดิษฐวัฒน์ กระสุนเข้าบริเวณต้นแขนซ้ายทะลุชายโครงด้านหลัง หลังเกิดเหตุคนร้ายได้วิ่งออกไปขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีขาว ที่จอดอยู่ประตูด้านหลัง ขับออกไปทางประตูด้านหลัง ซึ่งสามารถไปออกถนนบายพาส

จากพฤติกรรมการก่อเหตุ ตำรวจคาดคนร้ายเตรียมการมาเป็นอย่างดี และรู้ว่าร้านทองจะเปิดให้บริการเป็นวันแรก หลังปิดตามมาตรการป้องกันโควิด-19 โดยคนร้ายมีทั้งปืน ระเบิดควัน ส่วนการที่คนร้ายสวมชุดพนักงานส่งอาหารนั้น คาดว่าน่าจะเป็นการอำพรางตัว โดยเฉพาะท่าทางการใช้อาวุธปืนต้องเป็นผู้ได้รับการฝึกทางยุทธวิธีมา จึงพุ่งเป้าไปที่บุคคลในเครื่องแบบในพื้นที่

คํ่าวันที่ 2 ก.ย. ตำรวจชุดสืบสวนบุกรวบตัว ส.ต.ท.อนุชา บุญอารักษ์ อายุ 25 ปี ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ปากช่อง ที่บ้านพักเลขที่ 87 หมู่ 8 ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง หลังมีผู้จดจำท่าทางการเดินของคนร้ายได้ว่าคล้ายกับ ส.ต.ท.อนุชา อีกทั้งเจ้าตัวยังเคยมาเฝ้าดูแลที่ร้านทองดังกล่าวด้วย

ชุดสืบสวนไล่ตรวจสอบภาพวงจรปิด จนทราบลักษณะของรถจยย.ที่ใช้ก็ตรงกับของคนร้าย ผู้บังคับบัญชาจึงติดต่อให้มาพบ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงออกติดตามจนสามารถจับกุมตัวได้ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับสารภาพแต่โดยดี พร้อมนำไปค้นทองที่จี้มา ซึ่งซุก ซ่อนไว้ใต้น้ำอ่างปลูกบัวใกล้บ้านพัก ส่วนชุดไรเดอร์อ้างว่าเผาทิ้ง ไปแล้ว

14.00 น. วันที่ 3 ก.ย. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภาค 3 นำทีมแถลงปิดคดีที่สภ.ปากช่อง โดยกล่าวว่า ผู้กระทำผิดคือตำรวจนอกแถวก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย เนื้อไหนร้ายเราก็ตัดทิ้ง

ส่วนสาเหตุผู้ต้องหาอ้างว่า เนื่องจากติดหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ 1.4 ล้านบาท ประกอบกับคุณพ่อนอนป่วยติดเตียง ทำให้เกิดความเครียดเลยตัดสินใจก่อเหตุ ส่วนเรื่องการยิงปืน อ้างว่าได้ตะโกนบอกพนักงานแล้วว่าจะไม่ยิง แต่เจ้าของร้านวิ่งเข้าไปกอดรัดต่อสู้ จึงยิงออกไปเพื่อป้องกันตัว

ช่วงนี้ ตร.งานเข้าบ่อย จนกระแสเรียกร้องปฏิรูป ตร.กระหึ่มขึ้นมาอีก หรืออาจถึงเวลาแล้วจริงๆ

วัชรากร นามสีฐาน
เรื่อง/ภาพ

ปืนจี้พนักงาน

คุมทำแผนฯ

ตร.ตรวจที่เกิดเหตุ

ทองของกลาง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน