หลวงพ่อแต้ม ปุญญสุวัณโณ วัดพระลอย จ.สุพรรณบุรี – วันเสาร์ที่ 11 ก.ย.2564 น้อมรำลึก ครบรอบ 130 ปี ชาตกาล “พระครูประภัศร์ธรรมาภรณ์” หรือ “หลวง พ่อแต้ม ปุญญสุวัณโณ” วัดพระลอย ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี จากอดีตนักเลงกลับเนื้อกลับตัวมาบวช และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวบ้านเคารพนับถือมากรูปหนึ่ง

เกิดเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2434 บ้านด้านทิศใต้วัดพระลอย เป็นบุตรคนโตของนายแย้มและนางอ่ำ นารถพลายพันธ์ ท่านเป็นคนร่างเล็ก ครอบครัวยากจน ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ

ย่างวัยหนุ่ม คบเพื่อนอันธพาลนักเลงรุ่นเดียวกัน ชอบตีรันฟันแทง แม้จะมี ร่างเล็ก แต่ใจถึงไม่กลัวใคร ท่านเป็นหัวหน้านักเลง คุมท้องถิ่นแถวบ้านวัดพระลอย และมีเพื่อนอีกคนหนึ่งที่รู้จักชอบคอกันดีเป็นหัวหน้านักเลงอยู่ที่ศรีประจันต์ ชื่อ ปุย (ภายหลัง คือ หลวงพ่อปุย วัดเกาะนั่นเอง) เป็นนักเลงคุมแถวลุ่มน้ำบ้านคอย

วันหนึ่งบิดามารดาเห็นว่าอายุครบ บวชจึงอยากให้บวช ไปตามนายแต้ม ซึ่งตอนนั้นไปอยู่ที่อ่างทอง ตามตัวพบแล้วจึงพามาบวชที่วัดสำปะซิว โดยหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าอาวาส วัดสำปะซิว อบรมบ่มนิสัยก่อนบวช โดยแรกเริ่มท่านไม่รู้หนังสือแม้แต่ตัวเดียว แต่ก็สามารถท่องเจ็ดตำนานได้ภายในเจ็ดวัน หลวงปู่โต๊ะชอบใจมาก เพราะหัวไว

หลังจากนั้นจึงอุปสมบทให้เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2455 ที่พัทธสีมาวัดสำปะซิว มี หลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อปลื้ม (อีกรูปหนึ่ง) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงปู่โต๊ะ วัดสำปะซิว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา ปุญญสุวัณโณ

จากนั้น หลวงปู่โต๊ะสอนกัมมัฏฐาน และสอนหนังสือทั้งไทยและขอมจนอ่านออกเขียนได้ แถมยังได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ กับช่างไม้ช่างก่อสร้างจากหลวง ปู่โต๊ะอีกด้วย จนมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้มาก ต่อมาย้ายมาอยู่วัดพระลอย จึงลาสิกขาออกมาในปี พ.ศ.2463 สรุปแล้วท่านบวชครั้งแรกอยู่ 8 พรรษา

ใช้ชีวิตทางโลกอยู่พักหนึ่งเกิดเบื่อหน่ายทางโลก จึงอุปสมบทครั้งที่ 2 โดยมีหลวงพ่อสอน วัดป่าเลไลยก์ เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อพร วัดป่าเลไลยก์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อคำ วัดพระรูป เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังอุปสมบทครั้งสองแล้ว จำพรรษาอยู่วัดลาวทอง จวบจนปี พ.ศ.2466 จึงไปศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานจากหลวงพ่อซัว วัดสาลี บางปลาม้า จวบจนถึงปี พ.ศ.2468 และไปเรียนต่อจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา สำเร็จวิชายันต์เกราะเพชร และกลับมาอยู่วัดลาวทองต่อ

พ.ศ.2483 คณะสงฆ์แต่งตั้งให้หลวงพ่อแต้มมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระลอย ซึ่งใกล้จะร้าง ให้มีสภาพดีขึ้น ท่านพัฒนาวัดจนเจริญ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจขึ้นชื่ออีกแห่งของเมืองสุพรรณ

จวบจนมรณภาพอย่างสงบ พ.ศ.2514 สิริอายุ 80 ปี

งานบำเพ็ญกุศลมีเจ้าภาพ จองคิวสวดพระอภิธรรมจำนวนมาก ทางวัดจึงได้พิจารณาจะสวดพระอภิธรรมแค่ 100 วัน และจะเข้ารับพระราชทานเพลิง เมื่อครบ 100 วัน เปิดโลงศพดูก็ต้องพบกับเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ เมื่อไม่เน่าเปื่อย เหมือนกับคนนอนนิ่งธรรมดา ทางวัดจึงเก็บศพไว้ถึงปัจจุบันนี้ และเปิดให้ประชาชนกราบสักการะทุกวัน

สมดังปัจฉิมวาจา ก่อนมรณภาพที่หลวงพ่อให้ไว้ว่า “ถ้าข้าตาย ก็ให้เก็บศพไว้อย่าไปเผา สังขารข้าอยู่ วิชาอาคมของข้าก็อยู่ช่วยพวกเอ็งไปตลอด เดือดร้อนอะไรให้มากราบพระลอย และมาหาข้า เหตุร้ายเดือดร้อนจะหายไป”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน