คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

รอยแยก แตกร้าว ของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พลังประชารัฐ

รอยแยก แตกร้าว – สภาพการณ์การประลองพลังอย่าง “เพชรบุรี” และ “พระนครศรีอยุธยา” จักต้องเกิดขึ้นอีก ทั้งหมดนี้เป็นผลสะเทือนจากปฏิบัติการ “ปลด” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากตำแหน่ง “รัฐมนตรี” เมื่อวันที่ 8 กันยายน จึงนำไปสู่การขยายผลและประลองพลังทางการเมือง แม้ว่าการเดินทางไปเพชรบุรีจะกระทำในฐานะ “นายกรัฐมนตรี” แม้ว่าการเดินทางไปพระนคร ศรีอยุธยาจะกระทำในฐานะ “รองนายกรัฐมนตรี” กระนั้น ก็ดำเนินไปในแบบ “สร้างดาวกันคนละดวง” จะเข้าใจ “ปรากฏการณ์” นี้จำเป็นต้องย้อนดู “เส้นทาง” การเดินสายของนายกรัฐมนตรี รูปธรรมหนึ่งซึ่งจำหลักอย่างหนักแน่นในสายตาของคอการเมือง คือการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดห้องบนชั้น 3 รัฐสภารับรอง ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ นี่คือสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เคย “ถ่อมตัว” ปฏิบัติมาก่อน จากนั้น จึงตามมาด้วยการเดินสายทางการเมือง ไปยังสมุทรปราการ ตามด้วยชัยนาท ตามด้วยชลบุรีและสดๆ ร้อนๆ ที่เพชรบุรีในนามของการ “ตรวจราชการ” เมื่อ “นายกรัฐมนตรี” ทำ ไฉน “รองนายกรัฐมนตรี” จะทำไม่ได้ อย่าลืมเป็นอันขาดว่าในการเดินสายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าที่สมุทรปราการ ไม่ว่าที่ชัยนาท ไม่ว่าที่ชลบุรี และไม่ว่าที่เพชรบุรีเราเห็นการร่วมขบวนไปของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ นายสุชาติ ชมกลิ่น นั่นหมายถึงการแยกขั้วและแบ่งกลุ่มหนุนออกมาอย่างเด่นชัด จึงเกิดคำถามตามมาว่าในการเดินสายไปยังเพชรบุรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และไปยังพระนครศรีอยุธยาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะแวดล้อมด้วย“รัฐมนตรี” และ “ส.ส.” แบบไหน อย่างไร ไม่ว่าปรากฏการณ์เพชรบุรี ไม่ว่าปรากฏการณ์พระนครศรีอยุธยา จะมองอย่างไร มองว่าเป็นการทำงานอย่างหนึ่งของนายกรัฐมนตรีและของรองนายกรัฐมนตรีก็ย่อมได้ พอๆ กับมองว่าเป็นการรุกคืบและตั้งรับภายในพรรคพลังประชารัฐ นี่คือการต่อสู้บนฐานแห่งการแย่งชิง “อำนาจ” ทางการเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน