ตีปี๊บดัชนีเชื่อมั่นพุ่ง2เท่า ชงรัฐฟื้นช้อปดีมีคืนปลุกใช้จ่ายสมาคมผู้ค้าปลีกไทยโชว์ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ขยายตัว 2 เท่าในเดือน ก.ย.หลังรัฐผ่อนปรนให้เปิดกิจการแต่กำลังซื้อยังไม่ฟื้น เสนอรัฐฟื้นมาตรการช้อปดีมีคืน กระตุ้นใช้จ่ายช่วงไฮซีซั่น

นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นค้าปลีกในเดือน ก.ย.2564 ส่งสัญญาณที่ดีโตขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับเดือน ส.ค. เป็นผลจากมาตรการการผ่อนปรนให้เปิดกิจการและธุรกิจเพิ่มเติมในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ ส่งผลให้ความถี่ในการจับจ่ายเพิ่มมากขึ้น แต่ยอดการใช้จ่ายต่อครั้งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย สะท้อน ให้เห็นถึงกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และต้องการการกระตุ้นจากภาครัฐ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ

ดังนั้น สมาคมจึงมีข้อเสนอต่อภาครัฐ ดังนี้ 1.ภาครัฐต้องเร่งฟื้นโครงการช้อปดีมีคืนอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ กระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายในช่วงไฮซีซั่นให้กลับมาคึกคัก 2.ภาครัฐใช้มาตรการทางภาษีเพื่อช่วยผู้ประกอบการในด้านค่าใช้จ่ายทางสาธารณสุข นอกเหนือจากการลดหย่อนภาษี 1.5 เท่าของค่าใช้จ่าย ATK

3.ภาครัฐต้องสร้างความชัดเจนในการนำมาตรการ Covid Free Setting และ Universal Prevention โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติได้ง่ายและมีขั้นตอนที่ชัดเจน 4.ภาครัฐเร่งการกระจาย การฉีดวัคซีนให้รวดเร็วและเข้าถึงประชาชนมากกว่า 70% ของประชากรทั้งหมดของประเทศ เพราะภายหลังจากรัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมแบบเข้มงวดและอนุญาตให้หลายกิจการกลับมาดำเนินธุรกิจได้ ผู้ประกอบการยังคงกังวลในเรื่องของจำนวนวัคซีน ที่ไม่เพียงพอ และยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายตามมาตรการสาธารณสุข ที่จะเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก เดือนก.ย.2564 ปรับตัวดีขึ้น กว่า 2 เท่าอย่างชัดเจน จากที่ระดับ 25.0 ในเดือนส.ค. มาอยู่ที่ระดับ 59.0 ในเดือนก.ย.หลังการประกาศผ่อนคลายมาตรการของรัฐ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกในอีก 3 เดือนข้างหน้า ก็ปรับตัวดีจากระดับที่ 47.8 เดือนส.ค.มาอยู่ที่ระดับ 63.8 ในเดือนก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 25% ในขณะที่ความเชื่อมั่นสภาวะปัจจุบันเพิ่มขึ้นกว่า 200% สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการยังมีความวิตกกังวลอยู่มากของมาตรการการผ่อนคลาย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่มีความชัดเจน

ส่วนการประเมินผลกระทบต่อยอดขายและกำลังซื้อและแนวโน้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ในเดือนก.ย. นั้น พบว่า ผู้ประกอบการ 68% คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 3 น่าจะหดตัวถึง 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และ 57% ผู้ประกอบการระบุว่ายอดขาย ในไตรมาส 3 น่าจะลดลงมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน 73% ของผู้ประกอบการคาดว่า สถานการณ์จะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน