ช้อปดีมีคืน-เติมคนละครึ่ง – กรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน แนะรัฐออกมาตรการเพิ่มทั้งช้อปดีมีคืน และเติมเงินคนละครึ่ง หวังกระตุ้นเศรษฐกิจโค้งสุดท้าย พร้อมปรับประมาณการเติบโต 0-1% จากเดิมติดลบ ได้อานิสงส์ส่งออกโต 12-14%
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า ที่ประชุม กกร.ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจปลายปีนี้น่าจะดีขึ้นจากมาตรการที่รัฐบาลได้ออกมา เช่น โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 เป็นแรงเสริมภาคการท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น)
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรมีมาตรการเสริม ทั้งช้อปดีมีคืน และเติมเงินให้คนละครึ่งเพื่อเกิดเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ควบคู่กับแผนการเปิดประเทศที่รัฐบาลประกาศไว้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว และนักลงทุนต่างประเทศ
แม้เวลา 2 เดือนที่เหลือของปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวอาจไม่มาก แต่จะส่งผลดีและสร้างความเชื่อมั่นในระยะต่อไป ซึ่ง กกร.กำลังรวบรวมประเด็นข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับมาตรการการเงิน การคลัง และภาษี และส่งหนังสือเพื่อขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีภายในสัปดาห์นี้
“ในการประชุม กกร.ประจำเดือนต.ค. เห็นชอบปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 ดีขึ้นมาอยู่ในกรอบ 0.0-1.0% จากก่อนหน้านี้คาดไว้ติดลบ 0.5% ถึงโต 1% แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและตัวเลขการติดเชื้อโควิด-19 หลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ไปอีกระยะ”
นายสนั่นกล่าวอีกว่า ส่วนการส่งออก คาดการณ์อัตราการขยายตัวไว้ที่ 12-14% จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดี ภายใต้เงื่อนไขค่าระวางเรือที่ไม่สูงจนเกินไป สามารถควบคุมการระบาดในกลุ่มแรงงานภาคอุตสาหกรรมได้ และการฉีดวัคซีนให้แรงงานได้ทั่วถึง เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ยังคงคาดการณ์อยู่ในกรอบ 1-1.2%
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ต้องติดตามปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี ยังกระทบต้นทุนการ ผลิต การขนส่ง การเดินทางของภาคธุรกิจ และประชาชนในวงกว้าง ประกอบกับเงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้ต้นทุนนำเข้าพลังงานเร่ง ตัวขึ้น
แม้คณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) จะมีมติลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนน้ำมันดีเซล เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บ./ลิตร แต่ก็เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และคาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังอยู่ในขาขึ้น
