‘มข.-ญี่ปุ่น’เอ็มโอยู‘สทีม เอดดูเคชั่น’ – การจัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ “สร้างจิตสำนึกทางสิ่งแวดล้อม โดยใช้ “STEAM Education” ในการแก้ปัญหา” 4 หน่วยงาน ระหว่าง TOYO SYSTEM Co., LTD. สถาบันวิจัยและพัฒนาวิชาชีพครูสำหรับอาเซียน มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) The Mathematics Certification Institute of Japan และมูลนิธิการศึกษาเพื่อการพัฒนาทักษะการคิด ที่ห้องประชุม 402 Smart Classroom มข.
เมื่อเร็วๆ นี้ รศ.ดร.ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์ รองอธิการบดีฝ่ายการศึกษาและบริการวิชาการ รักษาการแทน ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาวิชาชีพครูสำหรับอาเซียน ประธานมูลนิธิการศึกษาเพื่อการพัฒนาทักษะการคิด มข. กล่าวว่า สอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยในหลายมิติ
ประเด็นแรก รศ.ดร.ไมตรีอธิบายว่า คือเรื่องการบริการวิชาการแนวใหม่นำมหาวิทยาลัยสู่ความเป็นนานาชาติเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ตามที่มหาวิทยาลัยขับเคลื่อนการบริการแนวใหม่ จะเคลื่อนย้ายจากการบริการวิชาการจากความรับผิดชอบต่อสังคม ไปสู่การสร้างคุณค่าร่วมอย่างยั่งยืน ตอบโจทย์ของ เป้าหมายที่ 4 ที่ระบุถึงด้านการศึกษา (SDG4) ของสหประชาชาติ เรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน”
ด้านการสร้างคุณค่าร่วมนั้น บริษัท โตโย ซิสต์เต็ม ร่วมมือกับทั้งกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม คณะกรรมการการศึกษาจังหวัด และภาคเอกชน ทำในเมืองอิวากิ จังหวัดฟูกูชิมะ เพื่อฟื้นให้ผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากการระเบิดของไฮโดรเจน เมื่อปี 2554 รวมทั้งบริษัทและคนของบริษัทที่อยู่ห่างจากที่ระเบิดไม่เกิน 50 ก.ม. ได้กลับมาใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างเป็นปกติ
การสร้างความตระหนักเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม และการคิดทางคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานสำคัญ ที่จะนำมาพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ไป พร้อมกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยก็ได้มีความร่วมมือกับ The Mathematics Certification Institute of Thailand (SUKEN of Thailand) ในการส่งเสริมความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเยาวชนไทย เพื่อให้ประเทศไทยเกิดความตระหนักเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต
โดยถ้าหากขาดการสร้างความตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อม ก็อาจประสบปัญหาเหมือนประเทศญี่ปุ่น อาทิ โรคมินามาตะ หรือโรคอิไตอิไต ที่เกิดจากสารแคดเมียม และสารปรอท ดังนั้น หน่วยงานทั้ง 4 ฝ่าย มีความตั้งใจอย่างสูงในการทำความร่วมมือ ครั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนโครงการต่อเนื่อง 5 ปี ในการสร้างจิตสำนึกทางสิ่งแวดล้อม โดยใช้สทีม เอดดูเคชั่น
ส่วนเรื่องการสร้างคุณค่าร่วม ในระดับลึกนั้น บริษัทเครือข่าย โตโยต้ามอเตอร์ ร่วมมือกับฝ่ายการศึกษาของจังหวัด สามารถสร้างความเข้าใจร่วมสร้างคุณค่าร่วมกันให้ประชาชนไม่กลัวพลังงานไฮโดรเจน แบบของการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่บริษัทเอกชนทำงานร่วมกันกับชุมชนกับจังหวัด ถือเป็นโมเดลต้นแบบ มีการให้ความรู้กับเด็กเยาวชนให้เข้าใจเรื่องการใช้พลังงานเช่นนี้ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาทั้งระบบ เพื่อให้ประเทศไทยเกิดความตระหนัก เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต ถ้าขาดการสร้างความตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อม ก็อาจประสบปัญหาเหมือนประเทศญี่ปุ่น อาทิ โรคมินามาตะ หรือโรคอิไตอิไต ที่เกิดจากสารแคดเมียม และสารปรอท
“โครงการสร้างจิตสำนึกทางสิ่งแวดล้อม โดยใช้สทีม เอดดูเคชั่น ในการแก้ปัญหา จะกระตุ้นให้ประเทศไทยเกิดความตระหนักเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตได้ โดยต้องให้ความรู้ให้เกิดความเข้าใจแก่นักเรียน นักศึกษาว่า การพัฒนาอุตสาหกรรม การพัฒนาเทคโนโลยีนั้น จะต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งในอีก 5 ปีถัดไปจากนี้ และการที่ มข.ได้มีโอกาสเชื่อมการทำงานกับบริษัทชั้นนำของโลก และนักวิทยาศาสตร์ที่มีความรู้ความสามารถ ประกอบกับมหาวิทยาลัยเราก็มีโรงงานแบตเตอรี่ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับมหาวิทยาลัยอย่างมาก” รศ.ดร.ไมตรีกล่าวในที่สุด