ชี้ฉีดวัคซีนบูสต์สยบโอไมครอน – เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. รอยเตอร์รายงานความคืบหน้าความเคลื่อนไหวนานาชาติเพื่อสกัดกั้นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 และไวรัสตัวการก่อโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ “โอไมครอน” ว่า ล่าสุดทางการมาเลเซียและรัฐบาลสปป.ลาวต่างประกาศจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่เดินทางมาจากชาติที่มีรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้เข้าประเทศ รวมถึงจะชะลอความร่วมมือการจัดทำช่องทางเข้าเมืองพิเศษสำหรับผู้ได้รับวัคซีนจากชาติเหล่านี้ด้วย

มาตรการดังกล่าวเป็นกระแสที่รัฐบาลทั่วโลกทยอยยกระดับมาตรการเกี่ยวกับพรมแดน เช่น ฮ่องกง และญี่ปุ่น ที่เพิ่งขยายข้อห้ามบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองให้รวมถึงผู้มีสิทธิอาศัยที่ไม่ใช่พลเมือง ส่วนออสเตรเลียอยู่ระหว่างการจับตาสถานการณ์ระบาดระลอกใหม่หลังพบผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 2 คน ท่องเที่ยวในนครซิดนีย์ ขณะที่ทางการสหรัฐอเมริกาประกาศจะเพิ่มความเข้มข้นของการตรวจหาโรคโควิด-19 จากผู้ที่เดินทางมาในช่วงนี้ด้วย

ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้ทุกประเทศใช้มาตรการสกัดกั้นอย่าง เหมาะสมโดยพิจารณาจากหลักฐานและการประเมินความเสี่ยง เนื่องจากการปิดพรมแดนไม่สามารถป้องกันการระบาดข้ามประเทศได้ แต่จะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อชีวิตและเศรษฐกิจ

วันเดียวกัน เยรูซาเลม โพสต์ รายงานว่า ทางการอิสราเอลเริ่มพบข้อบ่งชี้ว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ใช้ในปัจจุบัน ทำให้บุคคลที่ได้รับเป็นระยะเวลายังไม่เกิน 6 เดือน หรือได้รับการกระตุ้นด้วยเข็มบูสเตอร์ป้องกันตัวจากไวรัสได้

ขณะที่สถานีโทรทัศน์แชนแนล 12 ของอิสราเอล เผยแพร่ผลการศึกษาว่า วัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ป้องกันต่อเชื้อลดลงเพียงเล็กน้อยเหลือร้อยละ 90 ส่วนผู้ได้รับการกระตุ้นเข็มสามด้วยวัคซีนไฟเซอร์จะป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงได้ร้อยละ 93 ขณะที่ไวรัสชนิดโอไมครอนสามารถแพร่ระบาดได้มากกว่าเดลตาเป็น 1.3 เท่า ส่วนผู้ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันจะมีความเสี่ยงป่วยหนักเพิ่มขึ้นเป็น 2.4 เท่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน