‘ไมค์’สวมหมวกเกษตรกร – เริ่มผันตัวเองไปสวมหมวกเกษตรกรเต็มใบแล้วสำหรับลูกทุ่งขวัญใจแรงงาน ‘ไมค์ ภิรมย์พร’ หลังสร้างความสุขผ่านเสียงเพลงให้แฟนๆ มายาวนานกว่า 30 ปี ก็เตรียมวางแผนเกษียณ หันไปทุ่มเทกับอาชีพเกษตรกรที่บ้านเกิด จ.อุดรธานี

ชีวิตที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง
ไมค์ – “ช่วงนี้อยู่ที่อุดรฯ เป็นหลัก ทำเกษตรผสมผสาน อยู่มา 2 ปีตั้งแต่โควิด ก็มีเวลาได้วางแผนพัฒนาทำการเกษตรจริงจัง เพราะเราต้องการทำให้มันสำเร็จ ถ้าเราทำสำเร็จมันจะเป็นแลนด์มาร์กใกล้เมืองอุดร เป็นศูนย์เรียนรู้การเกษตร และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้วย”

“ปัจจุบันคนสังคมเมือง หรือต่างจังหวัด หันมาให้ความสนใจเรื่องการเกษตร ทุกคนอยากมาทุ่งนาดูสวนปลูกพืชผักสวนครัว ผลไม้ นั่นแสดงว่าทุกคนอยากกลับมาสู่ธรรมชาติ เพราะการใช้ชีวิตสังคมเมืองตัวผมก็เคยใช้ชีวิตอยู่มา 30 กว่าปีแล้ว วันนี้เราได้กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด มันมีความสุขมาก เราได้เปิดโลกทัศน์เปิดสมองให้ ปลอดโปร่ง มีวิธีคิดที่จะอยู่รอดในวิถีของเกษตรได้ คนที่ไม่เคยทำการเกษตร ถ้าได้เข้าไปสัมผัสเรียนรู้จริงๆ จะเกิดความชอบ เพราะทุกอย่างมันมีแต่ธรรมชาติ”

“ของผมพื้นที่บ้านสวนและทำเป็นที่อยู่อาศัย 20 ไร่ และมีแปลงใหม่ 18 ไร่ แปลงนา ออกแบบขุดบ่อน้ำทำระบบคลองรอบนา ทำระบบน้ำเชื่อมหากันได้ทุกบ่อ แล้วตรงกลางยกร่องขึ้นปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ ประมาณ 200 ต้น ปลูกมะพร้าวน้ำหอม เรามองว่าถ้ามันเติบโตขึ้นมาออกลูกออกผล มันเป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้อีกทาง มะม่วงปลอดสาร ผู้บริโภคมั่นใจ”

“แล้วเรามาทำเรื่องร้านของฝาก แซ่บไมค์แลนด์ อยู่ถนนมิตรภาพจากอุดรฯ ไปหนองคาย เป็นแลนด์มาร์กอีกจุดหนึ่ง มีร้านกาแฟ ร้านปลาร้าแลนด์ จากที่ปลูกผักกินเองก็แบ่งมาขายที่ร้านของฝาก ราคาไม่แพง ปลอดภัย”

“การทำเกษตรถ้าใครไม่มีใจรักอย่าทำเลย ถึงทำยังไงก็ไม่ประสบความสำเร็จ การทำเกษตรต้องใส่ใจ ต้องมีความศรัทธาเรื่องอาชีพเกษตร ร้องเพลงเราชอบเพราะมันอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว เกษตรผมก็ชอบเพราะมันซึมซับจากสายเลือดพ่อแม่เรา ฉะนั้นทั้งสองอย่างแยกกันไม่ออกเลย พอเรามาทำเกษตรจริงจังมันยิ่งสร้างแรงบันดาลใจให้อยากพัฒนาต่อเนื่อง การทำเกษตรทุกวันนี้ผมไม่ได้เรียนวิชาการเกษตร ทุกอย่างเกิดจากก้าวตามหาฝันอยากทำเกษตรให้ประสบความสำเร็จ อันไหนที่ออกลูกออกผลมาได้รับผลผลิตจากน้ำพักน้ำแรงมันก็มีความภาคภูมิใจแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ผลตอบแทนมากมาย แต่ไม่ต้องซื้อ เรากินปลอดภัยจากสวนเราเอง”

วางแผนเกษียณไปทำอาชีพเกษตรกร
ไมค์ – “พูดตรงๆ ว่าผมก็อยากเกษียณแล้ว คือเราอายุมากแล้ว เรายืนอยู่บนเวทีมาเกือบจะ 30 ปีแล้ว มันถึงเวลาที่เราจะต้องเดินลงมา แต่เราเดินลงมาตามฝันอีกฝันหนึ่งเรื่องของการเป็นเกษตรกร และอีกอย่างเรามาทำธุรกิจปลาร้าแซ่บไมค์ เราจะวางแพลนเรื่องธุรกิจการสร้างแบรนด์ สร้างสินค้า และส่งออกไปต่างประเทศ”

ใจหายไหม จับไมค์ร้องเพลงอยู่ในวงการบันเทิงมา 30 ปี
ไมค์ – “ก็ใจหายนะ แฟนเพลง แฟนคลับที่ติดตามเราก็ถามเมื่อไหร่จะมีคอนเสิร์ต เมื่อไหร่จะได้ฟังเพลง เราไม่ใช่เด็กแล้ว จะให้เราไปยืนร้องเพลงเต้นสนุกสนานเหมือนเด็กๆ มันก็ไม่ใช่แล้ว มันถึงจุดหนึ่งที่ต้องยอมรับกับตรงนี้ให้ได้ พอเราอายุมาก ทิศทางเพลง คนที่จะฟังเพลงก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แล้วมาเจอช่วงวิกฤต โควิดยิ่งไปกันใหญ่เลย ยิ่งทำให้เราเริ่มถอดใจ มันส่งสัญญาณที่เราอยากจะเกษียณแล้ว เพราะว่าอยากมีเวลากับธุรกิจ และอยากมีเวลาไปพัฒนาเรื่องการเกษตร และไปเยี่ยมลูกที่แคนาดาด้วย อยากให้เขามาต่อยอดธุรกิจให้พ่อ”

ประสบความสำเร็จในชีวิตทุกอย่างแล้ว ยังอยากทำอะไรอีก
ไมค์ – “ที่ทำธุรกิจอยู่ทุกวันนี้ไม่จำเป็นต้องรวยมาก ธุรกิจเราอยู่ได้ สินค้าเราอยู่ได้ เรามีรายได้มาซัพพอร์ตครอบครัว เราให้ลูกมาต่อยอด ผมก็มีความสุขแล้ว และสิ่งที่ผมอยากคิดต่อยอด คือพยายามมองหาเรื่องสินค้าที่จะมาสร้างแบรนด์เป็นโปรดักต์ขึ้นมา ซึ่งมันมีทิศทางที่เกี่ยวโยงกับกลุ่มเกษตรกรได้ มันเป็นการช่วยเอื้อกับสังคม เอื้อกับเกษตรกร เป็นโปรดักต์ใกล้ตัวที่หยิบยกขึ้นมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้มันได้ ต้องดูด้วยว่าทำแล้วคนจะให้การยอมรับไหม เราก็ต้องค่อยๆ คิดทำไป”

มองย้อนกลับไปชีวิตจากจุดเริ่มต้น จนเป็นไมค์ ภิรมย์พร ในวันนี้ มาไกลมาก
ไมค์ – “ผมยังนึกอัศจรรย์กับภาพตัวเองในวันนี้ มันเป็นไปได้ยังไง จากที่เราอยู่ทุ่งนา จากเด็กที่ไม่มี เรียกว่าด้อยโอกาสด้วยซ้ำ แล้วก้าวมาสู่ตรงนี้ได้ เรามองย้อนไปเราเดินมาไกลมาก ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้ เมื่อก่อนเป็นเด็กดูหนังฝรั่ง อเมริกา ยุโรปเป็นอย่างนี้ สุดท้ายเราได้ไปมาหมดแล้ว มันเป็นสิ่งที่อัศจรรย์มากในชีวิตของผม มันเป็นเพราะความลำบาก ความยากจน พ่อกับแม่สอนให้เรามีความขยันอดทนที่เป็นบันไดขั้นสำคัญในการที่ไต่เต้าสู่ความสำเร็จ”

หลังจากนี้วางแผนเกษียณอย่างมีความสุขกับชีวิต
ไมค์ – “คาดหวังอย่างนั้น แล้วมาดูแลเรื่องธุรกิจตัวเอง ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ได้อยู่ทุ่งไร่ท้องนาดูแลต้นไม้ พืชผักที่เราสร้างมากับมือ แต่ว่าที่มองว่าอยากจะเกษียณจากการร้องเพลง วัยเรา 55 ปี ย่าง 56 ผมว่ามันไม่ใช่วัยที่นักร้องอย่างเราต้องมายืนร้องเพลง มันน่าจะมีอย่างอื่นแทน เป็นเรื่องวิถีเกษตร มีคนไปเยี่ยม มีสื่อมวลชนไปพบปะรายการต่างๆ มันก็มีความสุขที่ได้ต้อนรับทำกับข้าวให้กินแล้วนำภาพความเป็นอยู่ของไมค์ ภิรมย์พร มานำเสนอสู่สังคม ผมมีความสุขแล้ว เรื่องร้องเพลงมันเป็นวัยที่อยากหยุดแล้ว”

ฝากถึงนักร้องรุ่นใหม่
ไมค์ – “นักร้องทุกวันนี้ น้องๆ ที่เข้ามาไม่ได้เข้ามายากลำบาก ไม่เหมือนยุคของผม ทุกอย่างต้องเสนอตัวทำงานเพื่อจะแลกใจกับครูเพลง กับโปรดิวเซอร์ ต้องยอมเสียสละ อดทน ให้เขาได้เห็น แต่ทุกวันนี้ร้องเพลงได้ก็อัดลงยูทูบได้เลย การที่จะมายืนหยัดอยู่ในวงการบันเทิง ถ้าเขาวางตัวดี มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ กตัญญู และรู้จักเก็บ รับรองว่าเขาอยู่ได้ เขาก็จะประสบความสำเร็จ แต่ถ้ามาหลงระเริงกับเรื่องของชื่อเสียง พอมาอยู่จุดที่สูงแล้วลืมก้าวแรกที่เราเดินมา เขาจะก้าวพลาด”

“ทุกเวที ทุกอาชีพ ไปถึงจุดสูงสุด วันหนึ่งอำนาจหน้าที่การงานคุณหมด ก็ต้องเข้าใจในเมื่อมีคนใหม่มาแทน อย่าไปยึดติด ถ้าเรายึดติดเมื่อไหร่ แล้วเราจะไม่สามารถเอาตัวรอดอยู่ในสังคมได้ เพราะเราคิดว่าเราเป็นหนึ่งตลอด ไม่มีใครรักษาหนึ่งได้ตลอดหรอก วันนี้ถ้าเราก้าวลงมาเป็นที่สองที่สามหรือข้างหลังก็ตามแต่ จงภูมิใจว่าเราเคยอยู่หนึ่งมาก่อนแล้ว แต่วันนี้เรามาอยู่อันดับหลังๆ เราก็อยู่ได้ เราคิดว่าเราไม่ได้ยึดติด เราคิดว่าโอกาสที่ได้มาสามารถมาวางตัวอยู่ในสังคมได้ เรามีวิธีคิดประกอบอาชีพทำมาหากินของเรา ว่าเราคือใครมาจากไหน”

วีรนุช จันทำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน