น้ำมันพุ่งไม่หยุดฉุดกำลังบริโภคทรุดแน่กรุงไทยจับตาราคาน้ำมัน หากทะลุ 100 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล ดันเฟ้อพุ่งเกิน 3% ฉุดกำลังซื้อประชาชนหดตัว ย้ำแค่ตรึงดีเซล 30 บาทยังไม่พอ แนะรัฐต้องมีมาตรการเสริมช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน

นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า สิ่งที่กระทบกับเศรษฐกิจไทยในขณะนี้คือ ราคาพลังงาน ซึ่งหากราคาน้ำมันในตลาดโลกแตะถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลและสูงมากกว่านี้พร้อม ลากยาวกว่าที่คาดจะส่งผลกระทบในวงกว้างขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเงินเฟ้อที่จะทำให้ในช่วงไตรมาส 1 หรือครึ่งปีแรกของปีนี้เงินเฟ้อ อาจจะเกิน 3% ได้ เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นกระทบกับ กำลังซื้อของประชาชน การบริโภคจะชะลอตัว

“การตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ระดับไม่เกิน 30 บาทของภาครัฐอาจจะไม่เพียงพอ เพราะราคาสาธารณูปโภค อย่างค่าไฟฟ้า ราคา ค่าโดยสารจะปรับที่สูงขึ้นด้วย รวมถึงราคาสินค้าที่สูงขึ้นตามราคาพลังงานจะกระทบต่อภาคการใช้จ่าย การบริโภคของประชาชนในที่สุด ทำให้ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้น ภาครัฐอาจจะมีมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนเพิ่มเติม”

อย่างไรก็ดี ธนาคารยังมองเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีของไทยยังอยู่ในกรอบใกล้เคียง 3% โดยมองว่าอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นจะชะลอลงในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างรัสเซียและยูเครนว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นจนเกิดการสู้รบหรือไม่ เพราะจะกระทบกับราคาพลังงานให้สูงขึ้นอีกได้
ส่วนในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 9 ก.พ.นี้ คาดว่ากนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิม ที่ 0.5%

นายพชรพจน์กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน เพราะการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะไม่กระทบกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและไทยมากนัก ขณะเดียวกันท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้เห็นโอกาสในอุตสาหกรรมการแพทย์จะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ภาครัฐคาดหวังว่าจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยต้องวางเป้าหมายจะผลักดันไทยก้าวเป็นเมดิคัล ฮับ (Medical Hub) ในระดับโลกอย่างเต็มรูปแบบ

สำหรับองค์ประกอบสำคัญที่ภาครัฐวางไว้ให้ขับเคลื่อนการ เป็นเมดิคัล ฮับ ของไทย ได้แก่ 1.ศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ 2.ศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ 3.ศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ และ 4.ศูนย์กลางบริการวิชาการและงานวิจัย ซึ่งหาก ภาครัฐผลักดันอย่างจริงจัง เชื่อว่าภายใน 5-6 ปีไทยจะสามารถเป็น เมดิคัล ฮับ ได้และคาดช่วยสร้างรายได้ เข้าประเทศถึง 8 แสน ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2570 จากปัจจุบันที่มีมูลค่าประมาณ 2 แสนกว่าล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน