‘พิพัฒน์’ เล็งชงเลิก RT-PCR ก่อนบินเข้าไทยแค่โชว์ผลฉีดวัคซีนหลังชงที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ 23 ก.พ.นี้ พิจารณาปรับมาตรการตรวจหาโควิดครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 ขอเปลี่ยนจากวิธี RT-PCR เป็น ATK แทน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า วันที่ 23 ก.พ. 2565 กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ผ่อนคลายมาตรการเดินทาง เรื่องการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR ที่กำหนดให้ตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง คือวันที่ 1 และ วันที่ 5 ของนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go ที่เมื่อถึงไทยให้หาตรวจหาวันแรกเท่านั้น ให้มีผล 1 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่าต้องขอพิจารณาสถิติที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ในเดือนก.พ.นี้ มาเป็นตัวชี้วัดสำหรับการปรับมาตรการเดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยของคนไทยเป็นสำคัญ
“ส่วนเรื่องยกเลิกการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั้ง 2 ครั้งเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงไทย คงต้องรอให้มีการประกาศว่าโรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นก่อน”
นายพิพัฒน์กล่าวว่า หากศบค. อนุมัติให้เลิกการตรวจหาเชื้อ ในวันที่ 5 สามารถดำเนินการได้ในวันที่ 1 มี.ค.ที่จะถึง หลังจากนั้น 1 เดือน จะมีการพิจารณาให้ต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไทย ไม่จำเป็นต้องตรวจเชื้อโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR ก่อนขึ้นเครื่อง เพียงแต่โชว์หลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดสก็สามารถเดินทางเข้าไทยได้ แล้วเมื่อมาถึงเมืองไทยก็ตรวจหาเชื้อวิธี RT-PCR ในวันแรก และรอผล 1 วัน หลังจากนั้นก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ ไม่ต้องกลับมาตรวจในวันที่ 5 อีก เพื่อลดขั้นตอนปฏิบัติในการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยว
นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ทางสมาคมร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและสมาคมท่องเที่ยวในเมืองท่องเที่ยว ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สุราษฎร์ธานี ระนอง สตูล และชลบุรี ทำหนังสือยื่นถึงนายกฯ พร้อมสำเนาถึงรัฐมนตรีกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องขอให้รัฐบาลพิจารณาผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ
โดยหนึ่งในข้อเสนอต่อ ศบค. คือ ขอให้พิจารณาผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศในระยะเวลาที่เหลือของเดือนก.พ.นี้ งดการตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 เนื่องจากอัตราการติดเชื้อของนักท่องเที่ยวในวันที่ 5 น้อยกว่าการติดเชื้อในท้องถิ่น ณ ปัจจุบัน และยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายให้แก่นักท่องเที่ยว
