วันที่ 20 ก.พ. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนว่า นาย โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า ยูเครนจะไม่ตอบโต้พฤติการณ์การยั่วยุใดๆ ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของประเทศ ภายใต้การยึดครองของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย แต่นายเซเลนสกีบอกกับบรรดาผู้นำโลกว่า ยูเครนจะป้องกันตัวเองจากการรุกรานของรัสเซีย
ท่ามกลางการสู้รบระหว่างกองกำลังยูเครนกลุ่มติดอาวุธฝักใฝ่รัสเซียที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังทั้งสองฝ่ายเปิดฉากยิงกันตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 10 ก.พ. เป็นเหตุให้ทหารยูเครนเสียชีวิต 2 นายและบาดเจ็บ 4 นาย
นายเซเลนสกีกล่าวต่อที่ประชุมความมั่นคงในเมืองมิวนิกของเยอรมนี ระบุว่า “ชาวยูเครนไม่ตื่นตระหนก เราต้องการใช้ชีวิตของเรา” และกล่าวหาบรรดาผู้นำชาติตะวันตกที่ดำเนินนโยบายเอาใจต่อรัสเซีย พร้อมเรียกร้องให้ชาติตะวันตกให้การรับประกันความมั่นคงชุดใหม่ต่อยูเครนและบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยระบุว่ายูเครนอยู่ในสถานะรัฐกันชนกับรัสเซียที่มีกองทัพขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทำให้ยุโรปไม่ต้องเผชิญภัยคุกคามจากกองทัพรัสเซียตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา
ประธานาธิบดียูเครนยังเรียกร้องการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนและเป็นไปได้สำหรับยูเครนในการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางทหารขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) แต่ขณะเดียวกัน เรียกร้องให้นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียหันมาเจรจากับยูเครนเพื่อหาทางแก้วิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างสองชาติ
“ผมไม่รู้ว่าประธานาธิบดีรัสเซียต้องการอะไร ดังนั้น ผมขอเสนอการเจรจา” นายเซเลนสกีระบุ และว่า ตนพร้อมให้รัสเซียสามารถเลือกสถานที่จัดการเจรจาได้ด้วย และย้ำว่ายูเครนจะเดินหน้าด้วยมาตรการทางการทูตเพื่อหาข้อยุติอย่างสันติต่อไป
ต่อมานายปูติน และนายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโค ประธานาธิบดีเบลารุส ขยายระยะเวลาการซ้อมรบออกไปจากเดิมที่จะสิ้นสุดวันที่ 20 ก.พ. โดยเบลารุสอ้างสถานการณ์ในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนเลวร้ายลง เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทหารรัสเซียประมาณ 30,000 นายประจำการในอาณาเขตของเบลารุสต่อไป
ด้านเอพีและบีบีซีรายงานสถานการณ์ในพื้นที่การสู้รบระหว่างกองทัพยูเครนและกลุ่มฝักใฝ่รัสเซียที่ยึดพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนยังดุเดือดล่าสุดว่า เสียงระเบิดดังขึ้นหลายร้อยครั้งมาจากเมืองโดเนตส์ก ภายใต้การยึดครองของกลุ่มฝักใฝ่รัสเซียตั้งแต่คืนก่อนจนถึงเช้า วันที่ 20 ก.พ. ขณะที่ทั้งสองฝ่ายระบุว่าฝ่ายตัวเองถูกยิงด้วยกระสุนหนัก มีรายงานด้วยว่าประชาชนหลายพันคนอพยพออกจากยูเครนแล้ว
ส่วนเจ้าหน้าที่รัสเซียเปิดการสอบสวนกรณีที่กลุ่มฝักใฝ่รัสเซียในดอนบาสกล่าวหากองกำลังรัฐบาลยูเครนล้ำแนวหน้าเข้ามาโจมตีพลเรือนเสียชีวิต 2 ราย แม้จะไม่มีหลักฐานพิสูจน์ แต่รัสเซียออกหนังสือเดินทางแก่ประชาชนอย่างน้อย 720,000 เล่ม ใน 2 ดินแดนดังกล่าว
