เมื่อวันที่ 28 ก.พ. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Yingluck Shinawatra ครั้งแรก ในหัวข้อ #เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เปิดรายการด้วยภาพการทำงานในช่วงเป็นนายกฯ พร้อมร้องเพลงประกอบด้วยตัวเองชื่อ “เพลงของเธอ” ก่อนตอบคำถามที่แฟนเพจฝากไว้ในเพจ สรุปได้ดังนี้

ที่มาของ #เป็นอย่างไรกันบ้าง เพราะไม่ได้เจอกันนาน เลยอยากถามไถ่ความรู้สึกว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ตนอยู่ ต่างประเทศมาเกือบ 10 ปี จะบอกว่าสบายดีคงไม่ใช่ ห่างบ้านเกิด ห่างจากสิ่งที่ทำทุกวัน แล้วต้องมาอยู่ห่างบ้านห่างเมือง ไม่ได้เจอญาติพี่น้องคนรู้จัก ก็คิดถึง แต่ก็ทำอย่างไรให้คงอยู่ได้ ตนจำคำสอนพี่โทนี่บอกไว้ ว่าให้รักษาสุขภาพ ทำตัวเองให้มีความสุข เพื่อคนที่รักของเรา กายอยู่ได้ แต่ใจยังรัก คิดถึง ห่วงใยตลอดเวลา

ส่วนกรณีพี่โทนี่ติดโควิด-19 นั้น พี่โทนี่ทันสมัยรับไว้ก่อน ส่วนตนรอด พยายามทานอาหารให้มีคุณภาพ ออกกำลังกายตลอดเวลา ทำร่างกายให้แข็งแรง ใส่หน้ากากอนามัย เลยรอดจากโควิด-19 มา 2 ครั้งแล้ว แต่โควิด-19 ในต่างประเทศ เบาลง คนในต่างประเทศก็ทำตัวชิลชิล ส่วนตัวฉีดวัคซีน ซิโนฟาร์ม 2 เข็ม แล้วเพิ่มไฟเซอร์อีก 2 เข็ม คิดอยู่จะฉีดอีกเข็มจะเยอะเกินไป แต่คนฉีดไฟเซอร์ก็ติดโอมิครอนได้ ดังนั้นอย่าไปคาดว่าจะกันได้ 100% ฉีดเพื่อให้มีภูมิ ไม่เป็นเยอะจะดีกว่า

สถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจในประเทศ ตนติดตามตลอด ใจห่วงพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นราคาข้าวของ แพงขึ้น แต่เงินในกระเป๋ารายได้ของประชาชนไม่ขึ้น แล้วเจอโควิด-19 ระบาด เหมือนเป็นการซ้ำเติม เรารู้ว่าประชาชนไม่มีทางออก ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเพราะอยู่ไกล ไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว ได้แต่ส่งกำลังใจ อยากให้ทุกคนเข้มแข็ง ขอร้องรัฐบาลว่าให้ช่วยพี่น้องประชาชน เพราะพี่น้องลำบากจริงๆ

คำถามที่ว่าอยากกลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัยหรือไม่นั้น หมดยุคแล้ว เป็นยุคของคนรุ่นใหม่แล้ว เด็กรุ่นใหม่มีความสามารถ ส่วนใครเป็นนายกฯ ต้องฟังเสียงประชาชนว่า อยากได้ใครมาบริหารประเทศ ไทยมีคนที่มีความรู้ ความสามารถมาก ส่วนตนไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน อยากช่วยเหลือพี่น้อง เพราะไทยเป็นประเทศบ้านเกิด เรามีความรักความผูกพัน แม้ตัวจะอยู่ไกล ใจอยู่ประเทศไทยตลอดเวลา

ส่วนที่ว่าหากยังเป็นรัฐบาลอยู่ นโยบายหลายตัวที่ออกไปช่วงเป็นรัฐบาลและอยากสานต่อ เช่น โครงการ 2 ล้านล้านบาท รถไฟความเร็วสูง โครงการบริหารจัดการน้ำ ตอนเป็นรัฐบาลปีที่ 3 ที่ 4 กำลังวางอนาคตไปข้างหน้าแล้ว วางยุทธศาสตร์สร้างความแตกต่าง กระจายความเจริญไปทุกภูมิภาคให้เจริญเท่าเทียมกัน แต่สุดท้ายไม่มีโอกาส หลายนโยบายถูกยกเลิกไป เช่น แท็บเล็ตพีซี

ส่วนรถไฟความเร็วสูงเชื่อมไทย ลาว จีน ตนตั้งใจให้รถไฟความเร็วสูงเชื่อมเมืองต่อเมือง เชื่อมในประเทศ เพื่อให้การคมนาคมสะดวก เชื่อมเมืองท่องเที่ยวให้เกิดรายได้ และเชื่อมโลจิสติกส์ไปยังปลายทาง เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่ง และให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนได้จริง

ตอนปี 2011 ที่เป็นนายกฯ หญิงคนแรก เข้ามาบริหาร ตอนบ้านเมืองขัดแย้ง ช่องว่างระหว่างคนรวย คนจนเยอะ เรามาสานต่อเรื่องหนี้สินประชาชน คิดว่าจะทำอย่างไรให้ไทย เป็นภูมิภาคอาเซียน การเป็นผู้หญิงลำบากที่มีความคาดหวังเยอะ ไม่ได้มองความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์และความตั้งใจจริง ไปมองว่าเพศหญิงอ่อนแอ ตนจึงต้องอดทน ทำงานหนักเป็น 2 เท่าเพื่อพิสูจน์ว่าเราทำได้ ความเป็นหญิงไม่ได้ทำให้งานลดน้อยถอยลง ส่วนการเป็นรมว.กลาโหมท้าทายมากเพราะต้องทำงานกับเหล่าทัพ หนักใจ เพราะภาษาทหารเป็นอีกอย่าง สำคัญคือการสั่งงานต้องใช้ข้อกฎหมาย เพราะเขาคิดว่าบางเรื่องเราไม่มีอำนาจ สั่งตรงๆ เขาคงไม่ทำ

ส่วนที่ถามว่าสามารถมองหน้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้อีกหรือไม่นั้น ต้องถามกลับไปยังพล.อ.ประยุทธ์ว่าเจอหน้ายิ่งลักษณ์แล้วยังคุยได้หรือเปล่า

สำหรับโครงการยูเซ็ป ก่อนเป็นนายกฯ ได้ไปเยี่ยมชาวบ้าน ตามโรงพยาบาล พบว่ากรณีฉุกเฉินชาวบ้านไม่สามารถเบิกจ่าย ประกันได้ ต้องรอเวลา อาจจะเสียชีวิตระหว่างนั้น เลยขอต่อยอด จาก 30 บาทรักษาทุกโรค พอเป็นรัฐบาลเลยได้บูรณาการโครงการดังกล่าวขึ้นมา โดยป่วยที่ไหน 72 ชั่วโมงสามารถรักษาได้ทุกโรงพยาบาล ซึ่งเอกชนต้องเปิดรับด้วย แล้วค่อยมาเคลียร์ค่าใช้จ่ายทีหลัง สิ่งสำคัญคือต้องช่วยคนที่ประสบอุบัติเหตุ เจอวิกฤตให้รอดก่อน ซึ่งเราสามารถช่วยคนได้เยอะ

เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รัฐบาลต้องดูแล ต้องคำนวณว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้นจะทำอย่างให้ผู้ใช้แรงงานมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ ต้องสร้างรายได้เพิ่มให้กับทุกคน สร้างรายได้ให้เข้าประเทศ เมื่อนักธุรกิจมีรายได้เพิ่มขึ้นจะขึ้นค่าแรงให้ลูกจ้าง จะไปผลักภาระให้นายจ้างอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำควบคู่กันไป

เมื่อถามถึงแนวทางการทำงานของคนรุ่นใหม่ เดี๋ยวนี้ คนรุ่นใหม่รอบรู้เยอะ เป็นสิ่งที่ดี ต้องคิดแล้วปฏิบัติให้เป็นจริง วางเป้าหมายให้ชัด ทำอย่างไรให้สิ่งที่เราคิดมาไปสู่ภาคปฏิบัติ ให้ได้ คำนึงถึงความเป็นจริง เทคโนโลยีมาเยอะ การสัมผัสกับคนหมู่มากเป็นเรื่องสำคัญ คนใช้เวลากับคอมพิวเตอร์เยอะ ดังนั้น บาลานซ์คนกับคอมพ์ให้ดี

ส่วนคนรุ่นใหม่ที่สนใจเป็นนักการเมือง หรือสนใจแค่การเมือง ถ้าสนใจเป็นนักการเมืองต้องคุยกันยาว แต่ถ้าสนใจการเมืองเป็นเรื่องที่ถูกต้อง คนรุ่นใหม่ได้ข้อมูลข่าวสารเยอะ คนรุ่นใหม่ จะไปบอกเขาไม่ได้ เขาต้องการเหตุผล ความเข้าใจ ผู้ใหญ่ต้องให้โอกาสแลกเปลี่ยน ทำความเข้าใจให้มากขึ้นเพื่อให้ คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วม ต้องเปิดพื้นที่ให้เขา

ที่ถามว่าตนเคยว่าใครเป็นหรือไม่ ตนเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง ก็มีอารมณ์โกรธ เสียใจ ส่วนใหญ่ระบายกับคนรอบข้าง ต้องหาวิธีระบายความเครียดของตัวเอง เพราะไม่อยากให้คนส่วนใหญ่ไม่สบายใจกับเรา ตอนเป็นนายกฯ ทำงานกับคนหมู่มากต้องใจเย็น ตอนหลังต้องฟัง คิดว่าเป็นเรื่องงาน อย่าเอาอารมณ์มาเป็นตัวนำในการสื่อสารกับคน หายใจลึกๆ นับหนึ่งถึงสิบ ถ้าพูดด้วยอารมณ์โกรธคงไม่ได้งาน

ขอบคุณแฟนเพจที่เข้ามาฟัง ได้หายคิดถึง ได้มีโอกาสพูดบอกความรู้สึกกับประชาชน สิ่งที่ตนอยากบอกคือวันนี้ไม่ได้อยู่บ้านเกิดมา 10 ปี เป็นปกติที่เราต้องคิดถึงกัน อยากบอกตามเพลงว่า ไม่ว่าฝนจะตกที่ไหน คนทางนี้อยากรู้เรื่องราว ถ้าบ้านเรามีความทุกข์ยาก ลำบาก ตนและพี่โทนี่สะเทือนใจ เป็นห่วง นี่คือสิ่งที่อยากบอกทุกคน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ฝนตกที่ไหน ก็หนาวถึงคนทางนี้เหมือนกัน แม้จะทำอะไร ไม่ได้แต่กำลังใจหรือการอยู่เคียงข้าง จะไม่มีวันลืม ความคิดถึง คงบอกได้ทุกวัน มีแต่ความจริงใจที่อยู่เคียงข้าง อะไรที่ทำเพื่อประชาชนได้ตนยินดี

ขอให้ทุกคนอดทน รักษาสุขภาพ เชื่อว่าวันหนึ่งความอดทน ความเข้มแข็งจะทำให้เราประสบความสำเร็จ จะเจอแต่สิ่งดีๆ วันหนึ่งประเทศจะได้ลืมตาอ้าปาก ประชาชนจะมีรายได้ที่ดี ขอเป็นกำลังใจให้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน