ได้ประสบการณ์การทำงานทุกครั้งที่ได้ทำงานชิ้นใหม่ สำหรับพระเอกหนุ่ม ‘ปั้นจั่น’ ปรมะ อิ่มอโนทัย ที่ล่าสุดได้ โคจรร่วมงานกับนางเอกสาว ‘พรีม’ รณิดา เตชสิทธิ์ ครั้งแรกในละครเรื่อง “ซ่อนกลิ่น” ทางช่อง 3
โดยเจ้าตัวเปิดใจถึงการร่วมงานกับสาว ‘พรีม’ พร้อมเล่าบรรยากาศการถ่ายทำ รวมถึงอัพเดตเรื่องหัวใจที่คบ ‘มิชิมะ ริสะ’ แฟนสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น
รับบทเป็นใครในละคร “ซ่อนกลิ่น”?
ปั้นจั่น – “เป็น ‘ศรัญ’ ครับ คาแร็กเตอร์สนุกสนาน ชอบความถูกต้อง บทค่อนข้างเหมือนตัวเองพอสมควร ด้วยเป็นละคร โรแมนติก คอมเมดี้ คาแร็กเตอร์เลยไม่ได้มีความยาก เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่ที่เห็นในละครจะเป็นบทดราม่า ซึ่งตัวเราเองก็เป็นคนสนุกสนาน พอได้มาเจอนางเอกก็ทำให้เรื่องตลกขึ้น เพราะมีผีด้วย”
ประกบคู่ ‘พรีม รณิดา’ ครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง?
ปั้นจั่น – “ผมรู้จักพรีมมานานมากแล้วนะ แต่ไม่ได้มีโอกาสโคจรมาเจอกันสักที แล้วก็ไม่ได้สนิทสนมกัน จนมาเจอในละคร ตอนแรกคิดว่าเขาเป็นนางเอกที่นิ่งๆ แล้วเวลาเราเจอนางเอกสวยๆ เราก็คิดว่าจะร่วมงานยากไหม เราจะคิดไว้ก่อน เพราะเขาก็มีความเป็นนางเอก แต่พอได้เจอน้องจริงๆ ได้รู้จักตัวตนเขามากขึ้น ก็รู้ว่าเขาเป็นเด็กน่ารักคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงติดดินพอสมควรเลยนะ มันแตกต่างจากภาพเขา ผมรู้สึกว่าการเป็นธรรมชาติของเขาเป็นเด็กสตรอง สู้ชีวิต ดูแลคุณแม่และพี่ชาย พอรู้จักก็ยิ่งภูมิใจในตัวน้อง และดีใจที่ได้ร่วมงานครับ”
เจอนางเอกหน้าใหม่ รู้สึกตื่นเต้น ตื่นตระหนก ทุกครั้ง?
ปั้นจั่น – “ที่จริงเป็นทุกครั้งแหละ เวลาถ่ายละครมันเป็นเวลาที่ค่อนข้างยาว บางที 6-7 เดือน บางทีเป็นปี ก็มี แล้วถ้าเกิดว่าเราเข้ากันไม่ได้ หรือเคมีไม่ตรงกัน มันจะเป็นการทำงานที่ค่อนข้างลำบากไปนาน เหมือนเราเจอเพื่อนร่วมงานที่ไม่เข้าขากัน แต่พอเราเจอรู้สึกว่าพรีม น่ารัก สนุกสนาน ไม่ได้เป็นคนทำงานยาก ผมคอนเฟิร์ม”
เคมีเป็นยังไงบ้าง?
ปั้นจั่น – “พระเอกนางเอกมันต้องมีเลิฟซีนพอสมควร ด้วยความที่ผมค่อนข้างชวนน้องเล่นเยอะ ฉะนั้นเวลาเข้าซีนที่มีฉากต้องจูบต้องหอมกัน มันจะเป็นเรื่องขำๆ มากกว่า เวลาน้องมองหน้าผมก็จะขำ เพราะตัวจริงผมอาจจะไม่มีความพระเอกเท่าไหร่ จะเป็นคนตลกด้วยซ้ำ แต่ถามว่ามีเขินไหม มีบ้างครับ เพราะมันใกล้ชิด ผมก็ขออนุญาตเขา”
เรื่องนี้มีความน่ากลัว?
ปั้นจั่น – “เรื่องนี้บางคนอาจจะนึกว่าเป็นละครผีหรือเปล่า แต่ทางผู้จัดคอนเฟิร์มว่ามันไม่ใช่ละครผี เป็นละครโรแมนติก คอมเมดี้ เรียกว่าเอาหลายสไตล์มารวมกัน มีทั้งผี บู๊แอ๊กชั่น คอมเมดี้ และมีดราม่าด้วย ครบทุกรส”
บรรยากาศการทำงานร่วมกับแก๊งผี?
ปั้นจั่น – “สนุกมาก เพราะผมเข้าฉากกับอาจตุรงค์ (โพธาราม) ค่อนข้างบ่อย และแขกรับเชิญหลายๆ คนที่เราไม่ได้เห็น เราก็จะฝึกมุขกับอาบ้าง เพราะผมก็พอมีมุขของตัวเองอยู่บ้าง เราก็พยายามจะขายมุขให้อาจตุรงค์ (ยิ้ม) ที่จริงเราอยากตลก แต่ในเรื่องเราทำไม่ได้ไง เพราะเราเป็นคนตรงไปตรงมา ซีเรียส แล้วมันจะมีจังหวะที่ เราห่วงความเป็นธรรมชาติแบบต้องดูแล้วไม่คิดอะไร ด้วยความที่มันเป็นละครตลกคนก็จะไม่คาดหวังความสมจริงอยู่ ถือว่าละครก็สนุกขึ้น มีอาจตุรงค์เป็นผีครับ”
พอได้ร่วมงานกับนักแสดงตลกรุ่นใหญ่ ชอบไหม?
ปั้นจั่น – “ที่จริงผมเล่นตลกได้นะ จังหวะผมได้ แต่ผมต้องเรียนรู้พวกศัพท์ตลกที่ยาวๆ คือตลกมันจังหวะ ดีไม่พอต้องความจำดีด้วย ผมก็ไปจำเขามาแล้วมาเล่นแบบครบบ้าง ขาดบ้าง อาจตุรงค์ก็แซว จะเล่นตลก แต่ไม่ทำการบ้าน ถามว่าได้ประสบการณ์ไหม ผมได้ประสบการณ์กับการทำงานทุกครั้ง กับเคมีที่เปลี่ยนออกไป เพราะทุกวันนี้เราทำงานพอสมควร ได้เจอคนใหม่ๆ ละครเรื่องใหม่ เราเจอใครเราก็ได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ปรับตัวเข้าหา”
ประทับใจอะไรในกอง?
ปั้นจั่น – “เรื่องนี้ผมทำงานกับพี่อุ๊ พัชนี แม่กอบสุข (จารุจินดา) คือผมเคยทำงานกับแกมาแค่เรื่องเดียว ผมรู้สึกว่าพี่อุ๊ให้เกียรติผมมากๆ ในการทำงาน ให้ความสำคัญกับนักแสดงทุกคน แล้วผู้กำกับฯ น่ารักมาก ให้ผมมีส่วนร่วมออกความคิดเห็น ไม่ใช่แค่แสดงอย่างเดียว พอหลังๆ กองขาดเหลืออะไร ผมก็จะเสนอว่าแบบนี้ ดีไหม เราทำงานกันเป็นครอบครัว เป็นพี่น้อง บางทีมีทะเลาะมีงอนกันบ้าง ในวันที่เราเหนื่อยมากๆ แล้วคิดว่าทำตัวไม่น่ารักแบบว่าเมื่อไหร่จะเสร็จ ซีนนี้หลายรอบแล้วนะ แต่พองานออกมาดี เราก็โล่งใจ เพราะเวลาเหนื่อย มันเหนื่อยจริงๆ ตี 2-3 กว่าจะเสร็จ ทีมงานก็ไม่ไหว ด้วยเวลาและโลเกชั่น คุ้มที่จะได้ดูครับ อยากให้แฟนๆ ติดตาม อย่างน้อยจะได้ รอยยิ้มและความสนุกกลับไป ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 ครับ”
ถามเรื่องความรักบ้าง หวานใจคนใหม่ ไปเจอกันได้อย่างไร?
ปั้นจั่น – “ความรักปกติครับ เจอกันในโซเชี่ยล ทักกันไปมาครับ เราคุยกันเหมือนคนอื่นทั่วไป”
ไปปิ๊งกันได้ยังไง?
ปั้นจั่น – “เดี๋ยวนี้ไม่ใช่คนปิ๊งคนง่ายนะ แต่อย่างว่าใครสะดวกที่จะอยู่กับเรา แล้วมีมุมมองคล้ายๆ กัน เขาก็เป็นผู้หญิงน่ารัก ขยันเรียนหนังสือ ขยันทำงาน น้องยังเด็กด้วย ผมเลย ไม่ค่อยสบายใจในการพูดถึงน้อง”
เราเป็นห่วงความรู้สึกฝ่ายหญิงหลังเปิดตัว?
ปั้นจั่น – “เขาเข้าใจนะ แต่ก็เป็นห่วงเรื่องข่าวนี่แหละครับ ว่ามันอาจจะมีคน มาวุ่นวาย วิจารณ์ ซึ่งมันทำให้เราเข้าใจโลกโซเชี่ยลมากขึ้น และพยายามไม่คิดถึงสิ่ง ที่คนวิจารณ์ ติ หรือชม เราก็ทำหน้าที่ของเรา”
ตอนนี้มีมุมมองความรักแบบไหน?
ปั้นจั่น – “พออายุ 35 ปี เรื่องสเป๊กมัน ไม่ค่อยมีแล้วครับ อย่างที่บอกแค่เข้ากันได้ เข้าใจในสิ่งที่เราทำอยู่ อยู่ด้วยกันแล้วมี ความสุข แล้วถ้าเกิดว่าวันหนึ่งมันไม่ใช่ ก็เป็นไปตามนั้นแหละ”
ทัศนคติ ไลฟ์สไตล์เข้ากันได้รึเปล่า?
ปั้นจั่น – “เข้ากันได้สิ เพราะยังอยู่ด้วยกัน แต่ถ้าวันหนึ่งทัศนคติมันเข้ากันไม่ได้ หรือ มุมมองมันแตกต่างเกินที่จะยอมรับได้ หรือผ่อนกันไม่ได้ เราก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ณ วันนี้เราไม่ได้เข้ากันได้ทั้งหมด แต่ว่ามันรับกันได้ คุยแล้วเข้าใจ”
ต้องปรับจูนกันเยอะไหม ด้วยความที่เราอายุมากกว่า?
ปั้นจั่น – “ก็มีนิดหน่อยนะ แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ผมว่าเขาคงไม่ใช่เด็กแล้วล่ะ เขาอายุ 21 ปีแล้ว ซึ่งเด็กบางทีเขาก็ดูมีความเป็นผู้ใหญ่มาก อย่างผมเองอายุ 35 ปี วันที่ผมงอแงก็มีบ้างเหมือนกัน มันดำรงด้วยความว่าฉันรักเธอ ในวันที่เธองอแง ฉันก็คงไม่ได้ว่าอะไร ยอมให้ได้ แต่บางวันฉันก็ของอแงบ้างนะ บางทีฉันเหนื่อย รับฉันได้ไหม ถ้ารับฉันได้ก็โอเค ผลัดกันตาม ผลัดกันนำ”
หลายคนมองว่าคู่ของเราหวาน?
ปั้นจั่น – “วันนี้ผมโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ผมพยายามลงในสิ่งที่แฮปปี้ ส่วนเรื่องที่ไม่ดี มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ผมต้องระบายใน โซเชี่ยล เพราะต่อให้ระบาย คนอื่นก็แค่รับฟัง แต่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา บางทีมันอาจจะมี ฟีดแบ็กที่ทำให้ปัญหาเราหนักกว่าเดิม ดังนั้นทุกคนก็จะเห็นแต่มุมปกติ ไลฟ์สไตล์ บางทีเราก็อยากจะพิมพ์นะ แต่ลบทิ้ง เพราะมีคนรักก็มีคนเกลียด ฉะนั้นต่อให้เราอยากระบาย ลงไปก็ต้องรู้จักอดทน”
มุมโรแมนติกของเรา?
ปั้นจั่น – “ผมว่าเขารู้ว่าผมไม่ใช่คนหวาน ไม่ใช่คนเซอร์ไพรส์ ผมบอกเขาตลอด ผมพยายามจะใช้ชีวิตให้ง่ายๆ ที่สุด อย่างวันวาเลนไทน์ พอปีนี้มันเซอร์ไพรส์ ปีหน้าก็ต้องเยอะขึ้น มันจะกลายเป็นความคาดหวัง เพราะฉะนั้น ผมทำเรื่องดีๆ ให้เขาในทุกๆ วันดีกว่า เพราะผมก็รักเขาทุกวันแหละ”
มองอนาคตเรื่องความรักไว้อย่างไร?
ปั้นจั่น – “มองมันก็มองนะ เรื่องนี้ตอบ ไม่ได้เลย เพราะตอบไปมันเหมือนไปล็อก ตัวเองว่าฉันจะทำสิ่งนี้นะ สุดท้ายทำไม่ได้ คนก็บ่นอีก ดังนั้นเรื่องอนาคตตอบไม่ได้จริงๆ”
สุชาวดี อภิสัมภินวงค์
