วันที่ 16 มี.ค. นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากที่รัฐบาลเตรียมผ่อนคลายมาตรการทางสาธารณสุข สอดรับการเตรียมประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ภายหลังนำการรักษาโควิด-19 ออกจากยูเซ็ป แล้วตั้งเกณฑ์ยูเซ็ปพลัสขึ้นมาใหม่นั้น รัฐบาลมีการพิจารณาที่รัดกุมดีแล้ว หรือเป็นเพราะต้องเร่งดำเนินการเพราะ ถังแตก ไม่มีเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลให้ประชาชน เพราะยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันรวมตรวจ ATK ยังเป็นอันดับต้นๆ ของโลก อัตราผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแทบทุกวัน บุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากยังคงแสดงความกังวลอย่างมากต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัสสายพันธุ์ BA.2 ที่รวดเร็วสูง และก่อให้เกิดภาวะ Long Covid แต่หลังจากวันนี้ผู้ป่วยจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่ม สีเขียวจะเข้าถึงการรักษายากยิ่งไปกว่าเดิม และอาจโดนปฏิเสธการรักษาจากโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยสะดวก
นอกจากนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ยังประกาศเตรียมให้สุรินทร์เป็นจังหวัดนำร่องในการประกาศใช้มาตรการโรคประจำถิ่น ผ่อนคลายการรับชาวต่างชาติจากชายแดนกัมพูชาตั้งแต่ 1 เม.ย.นี้ ขณะที่สถานการณ์การระบาดในจังหวัดยังทรงตัวในระดับค่อนข้างสูง ผู้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 300 คน มีผู้ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มในระดับต่ำ ประมาณ 55% หรือต่ำที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ยิ่งการผ่อนคลายมาตรการเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนเม.ย.ที่มีการเดินทางกลับภูมิลำเนา และกิจกรรมทางสังคมที่เพิ่มมากขึ้น เกรงว่าคนสุรินทร์จะต้องรับกรรมจากความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของรัฐบาลแทน
“รัฐบาลชุดนี้มีผลงานเด่นชัดเรื่องความคิดไม่รอบคอบและขาดการสื่อสารที่ชัดเจนกับประชาชน ผมในฐานะคนสุรินทร์เข้าใจดีว่าประเทศไทยต้องไปต่อ เพื่อเปิดให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ แต่การดำเนินการใดๆ ต้องรัดกุม สื่อสารกับประชาชนที่ชัดเจน หากยังบริหารแบบขอไปทีอยู่อย่างนี้ประชาชนคงอยากให้ไปๆ สักทีเสียดีกว่า” นายชนินทร์กล่าว