“สุโขทัย” เมืองที่มีความหมายดีงามว่า “รุ่งอรุณแห่งความสุข”
เมื่อครั้งได้ลงพื้นที่จ.สุโขทัย กับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (จร.) กระทรวงพาณิชย์ ในโครงการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อสร้างความตระหนักรับรู้เกี่ยวกับการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี ได้มีโอกาสสัมผัสเมืองมรดกโลกแห่งนี้ด้วย

กิจกรรมส่วนใหญ่เกี่ยวกับด้านวัฒนธรรม เริ่มตั้งแต่การตื่นเช้ามาทำบุญตักบาตร ซึ่งสามารถจองไว้กับโรงแรมได้ โดยโรงแรมจะนิมนต์พระมาถึงที่ พร้อมจัดดอกไม้ ข้าว อาหาร น้ำดื่มให้

หากรู้สึกว่าการตักบาตรที่โรงแรมไม่ถึงแก่นก็แนะนำว่าให้ไปที่ “วัดตระพังทอง” หรือ “วัดสระพังทอง” เพื่อร่วมกิจกรรม “ตักบาตรวิถีไทย รับรุ่งอรุณแห่งความสุข” ซึ่งตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองสุโขทัยหรือทางทิศตะวันออกของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางสระน้ำที่เรียกว่า ตระพังทอง

สิ่งสำคัญของวัดนี้ยังมีรอยพระพุทธบาทสมัยสุโขทัย จำหลักเป็นลายมงคล 108 ประการ รอยพระบาทนี้ได้เคลื่อนย้ายมาจากเขาพระบาทใหญ่ ซึ่งพระมหาธรรมราชาลิไททรงสร้าง ประดิษฐานไว้ ณ เขาสุมนกูฏ เมื่อปี พ.ศ.1902

คำว่า ตระพัง มีรากศัพท์มาจากภาษาเขมร แปลว่า บ่อหรือสระน้ำที่ขุดขึ้น และเป็นที่มาของชื่อวัดแห่งนี้ คติการสร้างวัดบนเกาะกลางน้ำ เชื่อว่าได้รับอิทธิพลมาจากการเผยแผ่พุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ซึ่งแพร่หลายในสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี

หรือใครอยากจะดื่มด่ำกับบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้น แนะนำไปชมที่ “วัดตะพานหิน” หรือ “วัดสะพานหิน” ตั้งอยู่นอกเขตกำแพงเมืองเก่าสุโขทัยทางทิศตะวันตก โดยอยู่ในเขตอรัญวาสี เนื่องจากวัดดังกล่าวตั้งอยู่บนภูเขาลูกเตี้ยๆ ผู้ไปเยือนต้องเดินขึ้นไปตามทางที่ปูลาดด้วยหินจากตีนเขาขึ้นไปเป็นระยะทาง 300 เมตร เชื่อกันว่าที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามที่สุดในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เพราะเมื่อขึ้นไปถึงข้างบนที่วัดตั้งอยู่จะมองเห็นวิวข้างล่างได้แบบ พาโนรามา คุ้มค่ากับการตื่นเช้าแน่นอน

ที่นี่ยังมีสิ่งสำคัญคือ พระประธาน เป็นพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ เป็นที่ประดิษฐานพระปางประทานอภัย สูง 12.50 เมตร เรียกว่า พระอัฏฐารส เป็นพระพุทธรูปยกพระหัตถ์ข้างใดข้างหนึ่งขึ้น หันฝ่าพระหัตถ์ออก ปลายนิ้วพระหัตถ์ตั้งขึ้น เรียกว่าการแสดงปางประทานอภัย

นอกจากนั้น ยังได้ไปเยือนหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ บ้านนาต้นจั่น ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 5 ดาว เป็นหมู่บ้านที่มีความเข้มแข็ง สามัคคี และการบริหารจัดการที่ดี ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวที่แนะนำว่าควรมาเยือน จะได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชุมชนในเชิงอนุรักษ์ ดื่มด่ำกับการได้สัมผัสธรรมชาติแบบครบวงจร

มีร้านอาหาร “ข้าวเปิ๊บ” (ก๋วยเตี๋ยวพระร่วง) ซึ่งมีเมนูเด็ดคือ “ข้าวเปิ๊บ” เป็นอาหารประจำถิ่น หน้าตาคล้ายกับก๋วยเตี๋ยวบวกข้าวเกรียบปากหม้อ

วิธีทำ ใช้แป้งหมักที่เหลือจากการทำขนมจีนมาทำข้าวเปิ๊บ ด้วยการนำแป้งมาละเลงบนผ้าขาวบางลักษณะคล้ายข้าวเกรียบปากหม้อ จากนั้นนำผักที่อยากทานมาใส่ เช่น ถั่วงอก กะหล่ำปลี ผักบุ้ง เสร็จแล้วพับสี่มุม ตักใส่ถ้วย ใส่ไข่ดาว ซึ่งใช้วิธีการนึ่ง นำไข่ไก่ตอกบนผ้าขาวบางทานคู่น้ำซุปกระดูกหมู ปรุงรสตามใจชอบ

ที่มาของชื่อเมนูนี้มาจากคำว่า “เปิ๊บ” ภาษาท้องถิ่น หมายถึง พับ ซึ่งเมนูนี้ใช้แผ่นแป้งเพื่อห่อผักต่างๆ นั่นเอง

อีกเมนูที่ขึ้นชื่อคือ “น้ำพริกซอกไข่” คำว่า “ซอก” เป็นภาษาของชาวบ้านนาต้นจั่น หมายถึง “การตำเบาๆ” ไม่ต้องให้ละเอียด วิธีการทำคือ ตำพริกแห้ง กระเทียม ให้ได้ที่ เน้นใส่กระเทียม ปรุงรสด้วย น้ำปลา มะนาว แล้วใส่ไข่ต้มที่ฝานผ่าซีกลงไป ตำเบาๆ หรือซอกไข่ หรือคนให้น้ำพริกพอซึมเข้าเนื้อไข่ แค่นี้ก็ได้เมนูอร่อยประจำถิ่นแล้วเสิร์ฟพร้อมผักสด ผักลวก

นอกจากร้านอาหารแล้ว ยังมีร้านจำหน่ายสินค้าฝีมือคนในพื้นที่ โดยเฉพาะงานผ้าจากกลุ่มอาชีพทอผ้าบ้านนาต้นจั่น ผลิตผ้าฝ้ายด้วยการนำมาหมักโคลนสินค้าขึ้นชื่อของที่นี่ พร้อมทั้งเสื้อผ้า ของกิน พื้นเมือง เดินช็อปปิ้งเหนื่อยก็พักนั่งชิลชิล ที่ร้านกาแฟ ที่มีหลากหลายร้าน

ถ้าต้องการที่พักแบบโฮมสเตย์ในบรรยากาศสบายๆ ก็ติดต่อหรือดูรายละเอียดได้ที่เฟซบุ๊ก โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย มีให้เลือกหลายหลังในราคาเกินคุ้ม พร้อมกิจกรรม เช่น ใส่บาตรหน้าที่พัก ปั่นจักรยานชมทุ่ง ชมวิถีชีวิตชาวบ้านทั้งการทำตุ๊กตาบาร์โหน ชมการทำผ้าหมักโคลน ทดลองทำข้าวเปิ๊บ ชิมอาหารท้องถิ่น เป็นต้น เรียกได้ว่า 3 วัน 2 คืนเที่ยวจนอิ่มใจ
“รุ่งอรุณแห่งความสุข” จึงเป็นสิ่งที่เราสัมผัสได้ตลอดทริป

วรนุช มูลมานัส : เรื่อง
มด ช่างภาพ 124
และ เฟซบุ๊ก โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น : ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน