เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคประชาธิปัตย์ จัดงานสัมมนาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และส.ก.ประจำเขต

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเปิดงาน ว่า พรรคประชาธิปัตย์ยุคนี้ถือเป็นยุคหนึ่งที่มีความพร้อมและได้เสนอทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับคนกทม.อีกครั้งหนึ่ง ความพร้อมของส.ก. พร้อมตั้งแต่ก่อนเปิดตัว ผู้ว่าฯ กทม.และลงพื้นที่มาเป็นลำดับจนกระทั่งถึงวันเปิดตัว พร้อมทั้ง 50 เขต แม้ครั้งนี้พรรคจะไม่มีส.ส.ในกทม.เลย แต่เกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นทุ่มเท การทำงานที่พรรคได้เข้าไปร่วมเป็นรัฐบาลและในพื้นที่กทม. มีผลงานเป็นรูปธรรม จับต้องได้ ซึ่งไม่มี ยุคใดทำได้

ในสถานการณ์โควิด-19 ว่าที่ผู้สมัครส.ก.ไม่เคยทิ้งชาว กทม. ลงพื้นที่สม่ำเสมอ เรานำถุงน้ำใจไปแจก จัดศูนย์ประสานเตียง แม้จนวันนี้ก็ยังไม่เลิกรา นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่าพรรคมุ่งมั่น ทุ่มเทเพื่อชาวกทม. จุดยืนทางการเมืองก็ชัดเจนไม่ต้องรอให้ใครมาถามว่ามีจุดยืนอย่างไร ประชาธิปัตย์ไม่เคยเขว ไม่เคยซ้ำเติมสถานการณ์ประเทศ จนตนมั่นใจว่าเราพิสูจน์ให้ชาวกทม.เห็นชัดแล้วว่าฝากผีฝากไข้ ฝากอนาคตไว้กับพรรคได้ จึงมั่นใจว่าเสียงตอบรับจากคนกทม.ดีขึ้น เมื่อเทียบกับ 3 ปีที่ผ่านมา เราเดินขึ้น ไม่ได้เดินลง

การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และส.ก.ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ เรามีโอกาส ไม่ใช่ส่งให้ครบ ส่งเพื่อแก้บนทางการเมือง แต่เราส่งเพราะเรามีโอกาส รวมทั้งนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่นโยบายในอวกาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำถ้านายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรค ได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ

ทีม ส.ก.ของพรรค เป็นคนคุณภาพ เพราะมาจากอดีตส.ก. ส.ข. และเลือดใหม่ มาจากอาชีพที่หลากหลาย ถ้าดูในแง่การศึกษา จบทั้งปริญญาเอก และปริญญาโท โดยมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์จบปริญญาโทขึ้นไป จึงพิสูจน์ได้ว่าพรรคได้ส่งทางเลือกที่ดีที่สุดให้คนกทม. ถ้าได้รับเลือกตั้งต้องทำหน้าที่มากกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่ต้องถูกกฎหมายเท่านั้น

“ส.ก.ของพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องเป็นส.ก.พลัส เนื่องจาก ก่อนหน้าได้ยกเลิกส.ข.ไปแล้ว ส.ก.จึงต้องเข้ามาเติมเต็มตรงนี้ เพื่อให้คนกทม.อุ่นใจ นี่คือคำมั่นสัญญาจากพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน” นายจุรินทร์กล่าว

ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค บรรยายพิเศษ “รวมพลัง ปชป. สู่ชัยชนะ” ว่า พรรคมีโอกาสเตรียมตัว มากกว่าทุกคราว เพื่อแสดงให้เห็นว่าพร้อมเป็นตัวแทนชาว กทม.จริงๆ ด้วยความเป็นสถาบัน มั่นใจว่ามีพื้นฐานคะแนนของพรรครองรับ อยู่แล้ว อยู่ที่พวกเราทุกคนต้องไปปลุกให้ประชาชนมาลงคะแนน ให้พรรค ตนได้มอบโจทย์ให้ ดร.เอ้-นายสุชัชวีร์ ว่าจะทำอย่างไรให้พรรคประชาธิปัตย์โผล่พรึ่บเดียวทั้ง 50 เขต ได้มอบหมายให้ ดร.เอ้ ไปดูนโยบายที่เป็นหมัดเด็ด ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.ต้องทำได้ทันที และเป็นของแท้

นายสุชัชวีร์กล่าวว่า อยากบอกกับทุกคนว่าที่นี่คือบ้านที่อบอุ่นที่สุด ตนเป็นวิศวโยธา บ้านต้องมีเสาเข็ม มีฐานราก ต้องเจอพายุ แต่ไม่ว่าจะเจอแรงปะทะเพียงใด มั่นใจว่าบ้านหลังนี้ยังเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้ตลอดไป ตนเจอแรงปะทะ เกมการเมืองถาโถมทุก รูปแบบ ถ้าคิดถึงตัวเองคงไม่ออกมายืนตรงนี้ เพราะ 3 เดือนที่แล้วมีครอบครัวเล็กๆ ที่อบอุ่น มีงานที่มีเกียรติ แต่ที่ออกมาตรงนี้เพราะอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ต่อให้เจอพายุหนักเพียงใด ได้รับความ ไม่เป็นธรรมนานัปการ ก็อยากจะบอกว่าอยู่ในบ้านที่อบอุ่นและมั่นคง ไม่มีวันท้อ และยิ่งมีความมุ่งมั่น มั่นใจว่าเปลี่ยนกรุงเทพฯ ได้แน่

ตลอด 3 เดือนตนลงพื้นที่ครบ 50 เขต เดินมาแล้วเกือบล้านก้าว ซึ่งเจอปัญหาจำนวนมาก ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะไม่นั่งติดโต๊ะ ติดแฟ้มอยู่ที่ศาลาว่าการ ผู้ว่าฯ กทม.ต้องไปเหยียบกองขยะ เดินจนเท้าพลิก เข้าใจคลองทุกเส้น ถ้าไม่รู้ว่าคูคลองเป็นอย่างไร มีปัญหาอะไร กทม.ก็เหมือนเดิม มีปัญหาซ้ำซาก และผู้ว่าฯ ต้องรู้จักคนในพื้นที่ เพราะทำงานคนเดียวไม่ได้แน่ ต้องทำงานร่วมกับส.ก. ผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคจึงต้องมาพร้อมกับส.ก.ที่มีความรู้อย่างลึกซึ้งและรู้จักพื้นที่

“ผมจะเป็นผู้ว่าฯ ที่ขยันที่สุด มุ่งมั่นที่สุด และจะเอาชนะคนกทม. ให้เลือกผู้ว่าฯ และส.ก.ของพรรค แบบยกทีม เพราะไม่มีทางที่ผู้ว่าฯ มาเดี่ยวๆ แล้วจะทราบปัญหา” นายสุชัชวีร์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน