วันที่ 6 เม.ย.เอเอฟพีรายงานสถานการณ์สงครามยูเครนว่า สหรัฐอเมริกา ร่วมมือกับชาติร่ำรวยจี7 รวมถึงสหภาพยุโรปหรืออียูประกาศแซงก์ชั่นรัสเซียรอบใหม่ ซึ่งครอบคลุมถึงการลงทุนใหม่ เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน แสดงภาพความรุนแรงสยดสยองของการสังหารหมู่พลเรือนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอสซี และกล่าวหารัสเซียว่ากระทำโหดร้ายไปทั่ว
การวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นที่มีการค้นพบศพในชุดพลเรือนหลายศพในหลายพื้นที่ตั้งแต่ในที่ที่กองกำลังรัสเซียถอนตัวจากเมืองหลวงของยูเครน รวมถึงเมืองบูชาของยูเครน ซึ่งระหว่าง ประชุมทางไกลกับยูเอ็นเอสซี นายเซเลนสกีอุปมาการกระทำของรัสเซียว่าคล้ายกับความ โหดร้ายของระบอบนาซี “พวกเขาตัดแขนขา เชือดคอ ข่มขืนผู้หญิงและถูกสังหารต่อหน้าลูก” นายเซเลนสกีกล่าว แต่ฝ่ายรัสเซียปฏิเสธ อ้างว่าภาพที่ปรากฏจากเมืองบูชาและพื้นที่อื่นๆ เป็นภาพปลอมที่ทหารยูเครนทำขึ้น หรือผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นหลังจากที่รัสเซียถอนกำลัง
การสังหารในเมืองบูชา ยิ่งกระตุ้นการสนับสนุนต่อยูเครน นอกจากการประกาศแซงก์ชั่นแล้ว สหรัฐยังประกาศให้ความช่วยเหลือทางทหารอีกราว 3.3 ล้านบาท
ด้านสหรัฐ อินเดีย และสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสประณามการสังหารหมู่พลเรือน ที่เมืองบูชา และเรียกร้องให้มีการสอบสวนที่เป็นอิสระ ด้านจีนระบุว่า จากรายงานและภาพการเสียชีวิตของพลเรือนที่เมืองบูชารบกวนจิตใจอย่างยิ่ง และเรียกร้องอย่าทำให้ประเด็นมนุษยธรรมเป็นประเด็นทางการเมือง และอย่ากล่าวหากันไปมาโดยไร้มูล
ออคัสแข่งขีปนาวุธเหนือเสียง
วันเดียวกัน สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และออสเตรเลีย หรือออคัส ออกแถลงการณ์ร่วมกันกล่าวว่า ทั้ง 3 ชาติจะเริ่มความร่วมมือด้านการขีปนาวุธเหนือเสียง รวมถึงความสามารถในการ ป้องกัน เนื่องจากชาติคู่แข่งทั้งรัสเซียและจีนพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยดังกล่าวอย่างรวดเร็ว นับเป็นการขยายความร่วมมือด้านการป้องกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ติดตั้งเรือดำน้ำพลังปรมาณูแก่ออสเตรเลียเพื่อรับมือกับอิทธิพลทางทหารของจีนที่เพิ่มขึ้น
แถลงการณ์ร่วมโดยนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายสก็อตต์ มอร์ริสสัน นายกรัฐมนตรีอออสเตรเลียระบุว่า 3 ชาติให้คำมั่นความร่วมมือใหม่ระหว่าง 3 ฝ่ายด้านอาวุธเหนือเสียงและการต่อต้านอาวุธเหนือเสียงตลอดจนความสามารถในทางการสงครามอิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงสามารถเคลื่อนที่เร็วกว่าความเร็วของเสียง 5 เท่า และทำให้ยากที่จะติดตามและสกัดเพราะเร็วกว่าเสียง 5 เท่า โดยอาจติดหัวรบแบบดั้งเดิมหรือหัวรบนิวเคลียร์
จากข้อมูลของสภาคองเกรสสหรัฐระบุว่า รัสเซียเป็นชาติที่มีความก้าวหน้ามากที่สุด ในเทคโนโลยีความเร็วเหนือเสียง จีนกำลังพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างรวดเร็วเช่นกัน ขณะที่เกาหลีเหนืออ้างว่าได้ทดสอบขีปนาวุธเหนือเสียงเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
