ศรีสะเกษ – นายธวัชชัย นิ่มจิรัตน์ อดีตผอ.ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ เผยว่า ศูนย์ทำวิจัยกาแฟตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ปีนี้ครบ 10 ปีที่จะสร้างแบรนด์ และขอขึ้นทะเบียนจดเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) เพราะกาแฟศรีสะเกษมีอัตลักษณ์เฉพาะคือ เป็นกาแฟที่มีรสชาติหอมหวาน มีความนุ่ม และออกกลิ่นผลไม้ มีรสขมน้อย บอดี้ (body) กำลังดี มีความแตกต่างจาก โรบัสต้าที่อื่น ถ้าเทียบกับกาแฟโรบัสต้าแถวภาคใต้ ความขมจะน้อยกว่า พอจิบกลืนจะหวานชุ่มลำคอ จากผลวิเคราะห์ใน 36 ลักษณะ มีความแตกต่างจากกาแฟพื้นที่ของภาคใต้แต่ที่เด่นๆ คือ เรื่องของความขมที่น้อยกว่า ที่ผ่านมาศูนย์ได้วิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญ และมีการทดสอบกับมหาชนด้วย คาดว่าน่าจะจด GI ได้ในปีนี้

จุดประสงค์หลักของการปลูกกาแฟคือ ต้องการเปลี่ยนพื้นที่ที่ไม่เหมาะทำนา ซึ่งเป็นนาดอน และรัฐต้องไปชดเชยภัยแล้งตลอดรายได้จากการทำนารายได้ปีละ พันบาทต่อไร่ แต่ถ้าปลูกกาแฟในพื้นที่นาจะได้ถึง 20,000 บาท และถ้านำมาสู่กระบวนการแปรรูปแบบครบวงจร จนถึงผู้ขายเลย ไร่หนึ่งมีรายได้ตก 50,000 บาท ทั้งนี้ศูนย์มีศูนย์เรียนรู้ ศูนย์ต้นแบบ และมีโรงงานแปรรูปที่ได้มาตรฐาน GMP และได้อย. เพื่อให้วิสาหกิจชุมชนมาแปรรูปฟรี เป็นการทำครบวงจร

“ศูนย์มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีทุกขั้นตอน เกษตรกรสามารถปลูกได้ทันทีโดยไม่ลงทุนเลย เพราะใช้เครื่องมืออุปกรณ์การผลิตจากศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ ซึ่งเราให้ความรู้ ให้วิชาการ และวัสดุอุปกรณ์ ในระยะเริ่มต้นทางศูนย์ให้ต้นพันธุ์ 180 ต้นต่อไร่ ตอนนี้มีเกษตรกรปลูกกาแฟในหลายอำเภอ 500-600 ไร่ คาดว่าปีหน้านี้จะเข้าร่วมอีกเป็น 10,000 ไร่ อย่างไรก็ตามมีผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ประมาณ 300 ไร่ ผลผลิตแทบไม่พอขาย ผลตอบรับดีมาก ตอนนี้วิสาหกิจชุมชนสามารถผลิตเอง และทำตลาดขายลงในช้อปปี้ด้วย พร้อมผลิตเป็นกาแฟดริปส่งจำหน่าย ทั่วประเทศ และผู้คนเริ่มรู้จักกาแฟศรีสะเกษกันแล้ว ส่วนมากเป็นคอกาแฟ”

ทั้งนี้ช่วงแรกของโครงการทางศูนย์แจกต้นพันธุ์ให้ฟรี พอโครงการนี้จบไปแล้ว เกษตรกรก็หาซื้อต้นพันธุ์มาปลูกเองเพิ่มเพราะเห็นถึงลู่ทางรายได้ ถือเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของจ.ศรีสะเกษ ซึ่งปลูกได้ทุกอำเภอ เป็นพืช ที่จะมาทดแทนพื้นที่นาดอน ขอให้มีระบบน้ำ และ การดูแลตามระบบเกษตรปลอดภัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน