เมื่อวันที่ 11 เม.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายคาร์ล นีแฮมเมอร์ นายกรัฐมนตรีออสเตรียเดินทางเยือนกรุงมอสโก ประเทศรัสเซียอย่างเป็นทางการ เพื่อพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย โดยคาดว่านายนีแฮมเมอร์จะหยิบยกประเด็นเรื่องอาชญากรรมสงครามที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่กองทัพรัสเซียยึดครองในประเทศยูเครน ท่ามกลางความกังวลของนักวิเคราะห์ถึงพัฒนาการของการถอดชนวนความขัดแย้งที่ไม่มีความคืบหน้าแต่กลับเดินหน้าไปในทิศทางตรงกันข้ามสู่ความแตกหักกันระหว่างกลุ่มชาติโลกเสรีกับรัสเซีย

เหยื่อสงคราม – หลุมศพของพลเรือนที่เสียชีวิตดารดาษอยู่ทั่วเมืองมาริอูโปล เมืองท่า สำคัญทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศยูเครนถูกทำลายราบเป็นหน้ากลองไปแล้วถึงร้อยละ 70 ขณะที่ฝ่ายยูเครนเตรียมรับการบุกระลอกใหม่ของรัสเซีย เมื่อ 11 เม.ย. (รอยเตอร์)

การเยือนดังกล่าวจะส่งผลให้นายนีแฮมเมอร์กลายเป็นผู้นำชาติยุโรปคนแรกที่เผชิญหน้าตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีปูตินซึ่งมีคำสั่งให้กองทัพรัสเซียรุกรานยูเครนโดยอ้างว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” เมื่อ 24 ก.พ. ขณะที่ทางการยูเครนพบร่างพลเรือนผู้เสียชีวิต จากการสังหารของทหารรัสเซียในเขตบูชานอกกรุงเคียฟแล้วอย่างน้อย 1,200 ราย ซึ่งคณะสืบสวนนั้นมีรายชื่อผู้ต้องสงสัยแล้วกว่า 500 คน ในจำนวนนี้รวมถึงประธานาธิบดีปูติน ในฐานะผู้รับผิดชอบหลัก ท่ามกลางการเปลี่ยนแผนยุทธศาสตร์ของรัสเซียเป็นการพุ่งเป้าโจมตีไปที่ภูมิภาคดอนบาสทางภาคตะวันออกของยูเครนแทน

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เปิดเผยว่า กองทัพรัสเซียเตรียมเปิดฉากโจมตีระลอกใหม่ทางภาคตะวันออกของยูเครน โดยการโจมตีระลอกใหม่นี้จะมีขนาดใหญ่และความรุนแรงมากกว่าที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่ารัสเซียต้องการยึดครองพื้นที่เพื่อเชื่อมแคว้น ไครเมียเข้ากับแคว้นลูฮานสก์และโดเนตสก์ในภูมิภาคดอนบาส

นายเซอร์ฮีย์ ไกเดย์ นายกเทศมนตรีเมืองลูฮานสก์ เมืองเอกแคว้นลูฮานสก์ กล่าวว่า ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นนั้นอาจเทียบเท่าเมืองมาริอูโปลซึ่งถูกทำลายจนราบคาบไปแล้ว ถึงร้อยละ 70 พร้อมคาดว่าการสู้รบที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นน่าจะกินเวลานานหลายวัน ขณะที่ฝ่ายรัสเซียเองก็ทราบดีว่าพื้นที่ที่กำลังจะกลายเป็นสนามรบนั้นไม่มีเป้าหมายทางทหาร ดังนั้นการโจมตีที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ย่อมถือว่าเป็นการโจมตีต่อพลเรือนเทียบเท่ากับการก่อการร้าย

ด้านความเคลื่อนไหวของชาติตะวันตก ทางการสหภาพยุโรป หรืออียู เปิดประชุมระดับรัฐมนตรีเพื่อเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจลงโทษทางการรัสเซียเพิ่มเติมเป็นรอบที่ 6 แต่เกิดความกังวลหลังจากตกลงกันไม่ได้เรื่องน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียที่ชาติยุโรปต้องพึ่งพาเป็นหลัก ส่วนการเดินทางเยือนรัสเซียของผู้นำออสเตรียซึ่งไม่ใช่สมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้นั้นโฆษกรัฐบาลออสเตรียระบุว่า เป็นการตัดสินใจของนายนีแฮมเมอร์หลังได้หารือกับประธานาธิบดีเซเลนสกี โดยผู้นำออสเตรียต้องการช่วยเป็นกลไกหนึ่งในการสร้างสันติภาพ

ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา ยังคงเดินสายโทรศัพท์หารือกับบรรดาชาติ ที่มีท่าทีประนีประนอมต่อทางการรัสเซีย ล่าสุด เป็นนายนเรนทรา โมที นายกรัฐมนตรีอินเดีย หลังเพิ่งหารือกับประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน