เมื่อวันที่ 12 เม.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสงครามในประเทศยูเครนว่า กองทัพรัสเซียอยู่ระหว่างการรุกคืบโจมตีเมืองมาริอูโปลทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีระลอกใหม่ครั้งใหญ่โดยคาดว่ามีเป้าหมายเพื่อเชื่อมแคว้นไครเมียเข้ากับภูมิภาคดอนบาสที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังฝักใฝ่รัสเซีย
การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้กองทัพยูเครนที่พยายามต่อต้านการเข้ายึดครองเมืองมาริอูโปลของฝ่ายรัสเซียตกอยู่ในวงล้อมข้าศึกและไม่สามารถถอยทัพได้ อย่างไรก็ดี กองทัพยูเครนยืนยันว่ายุทธการป้องกันเมืองมาริอูโปลนั้นยังไม่จบสิ้นแม้เมืองดังกล่าวจะถูกฝ่ายรัสเซียทำลายจนราบเป็นหน้ากลองไปแล้วถึงร้อยละ 70
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวร้องขอให้ชาติตะวันตกจัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์มาเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยเฉพาะเพื่อให้กองทัพยูเครนนำมาใช้ปกป้องและขับไล่ข้าศึกออกไปจากเมืองมาริอูโปล ก่อนหน้านี้ผู้นำยูเครนยังแถลงต่อรัฐสภาเกาหลีใต้ด้วยว่า มีพลเรือนในเมืองมาริอูโปลตกเป็นเหยื่อถูกทหารรัสเซียสังหารหลายหมื่นราย
ด้านทางการอังกฤษระบุว่า อยู่ระหว่างการสอบสวนกระแสข่าวที่ทหารรัสเซียนำอาวุธเคมีมาใช้ในสงครามยูเครน ภายหลังนางอิวานนา กลิมปุช หนึ่งในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของยูเครนเปิดเผยว่ารัสเซียนำอาวุธเคมีไม่ทราบชนิดมาใช้ส่งผลให้พลเรือนที่ถูกลูกหลงนั้นมีอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
ส่วนสถานการณ์สู้รบดุเดือดในภาคตะวันออกของยูเครน ฝ่ายรัสเซียยังใช้การโจมตีหลักเป็นปืนใหญ่ที่ระดมยิงเข้าใส่เมืองคาร์คีฟอย่างหนักหน่วง มีพลเรือนถูกลูกหลงเสียชีวิตอีกอย่างน้อย 8 ราย แต่กองทัพยูเครนยืนยันว่ายังสามารถรักษาแนวต้านการรุกคืบของทหารรัสเซียไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
ขณะที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา หรือเพนตากอน เปิดเผยว่าพบการเสริมกำลัง ต่อเนื่องของกองทัพรัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน โดยเฉพาะที่เขตอิซยุม ทางเหนือของเมืองครามาตอร์สก์ โดยเป็นขบวนรถลำเลียงพล ยานเกราะ และปืนใหญ่ ท่ามกลางการ คาดการณ์ของหลายฝ่ายว่ารัสเซียจะเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ในระยะเวลาอันใกล้
วันเดียวกัน นายคาร์ล นีฮัมเมอร์ นายกรัฐมนตรีออสเตรียที่เดินทางเยือนกรุงมอสโกเพื่อพูดคุยหาทางออกกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เปิดเผยผลการหารือว่า มีความหวังที่จะยุติสงครามน้อยมาก เนื่องจากประธานาธิบดีปูตินขณะนี้อยู่ในกรอบความคิดด้านสงครามอย่างเต็มพิกัด ด้านบรรยากาศการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ดำเนินไปอย่างตึงเครียดหลังสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรกล่าวหาทางการรัสเซียในฐานะผู้รับผิดชอบอาชญากรรมสงคราม โดยเฉพาะการที่ทหารรัสเซียโจมตีและข่มขืนหญิงยูเครนจำนวนมาก แต่รัสเซียยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหา