วันที่ 13 เม.ย. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่รายงานในที่ประชุม ครม.เกี่ยวกับการอภัยโทษว่า เป็นการปรับปรุงแนวทางการจัดชั้นเลื่อนชั้นนักโทษ เพื่อให้มีแนวทางที่ชัดเจนขึ้น หลักการคือจากนี้ไปศาลจะลงโทษเท่าไรก็ตาม ต้องรับโทษอย่างน้อย 1 ใน 3 หรือ 8 ปี สุดแท้จะถึงกำหนดใดก่อนกัน เพื่อให้มีระยะเวลาปลอดภัยที่สังคมการันตีได้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ออกมาเร็วเกินควร
เมื่อถามถึงกรณีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่โทษจำคุก 48 ปีซึ่งได้ลดโทษแล้ว ถือว่าแล้วไปใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ที่มีการลดไปแล้วก็แล้วไป เพราะได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยโทษ ไม่ควรมีใครมีคำถามต่อจากนี้ ส่วนกรณีนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ศาลลงโทษจำคุก 50 ปีและติดคุกมาแล้ว 1 เดือนนั้น เหลือเวลาอีก 49 ปี 11 เดือน ฉะนั้นจะได้รับประโยชน์เมื่อติดคุก 8 ปี หรือ 1 ใน 3 ของโทษจำคุก
ต่อข้อถามในโอกาสสำคัญต่างๆ นักโทษจะได้รับการลดโทษอีกหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ให้ยึดหลักถ้ายังไม่ครบจำนวน 1 ใน 3 ตามที่กำหนดไว้จะไม่พูดเรื่องการลดโทษ แต่สามารถจัดให้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยมได้และได้คะแนนสะสมเมื่อครบ 8 ปีแล้วค่อยมาว่ากันว่าเป็นนักโทษชั้นอะไร
นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครอง ผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวว่า ตนสงสัยว่าเกณฑ์ 8 ปีนั้นนำมาจากไหน หากเป็นนักโทษที่ต้องติดคุก 50 ปี ถึงตลอดชีวิต แต่ได้รับสิทธิ์ลดโทษตามระยะปลอดภัย 8 ปีเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งตนเห็นว่าควรยึดเกณฑ์การรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 เป็นเกณฑ์เดียว หรือรับโทษจำคุกมาแล้ว 15 ปี สำหรับกรณีดังกล่าว ตนมีข้อเสนอให้ส.ส.รับไปพิจารณา คือการแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพื่อให้ใช้เป็นเกณฑ์ดำเนินการในอนาคต เนื่องจากส.ว.ไม่สามารถเสนอร่างกฎหมายให้สภาพิจารณาได้
