กลายเป็นปัญหาทุกครั้งไปสำหรับการ เตรียมทีม และขอตัวนักกีฬาฟุตบอลชาย ไปล่าเหรียญทองมหกรรมกีฬาซีเกมส์

ใน “ฮานอยเกมส์” วันที่ 12-23 พ.ค. ครั้งนี้ก็เช่นกัน ที่โปรแกรมไปทับซ้อนกับการแข่งขันฟุตบอลในประเทศให้วุ่นวายไปหมด ทำให้ไม่สามารถเลือกเอานักเตะที่ดีที่สุดไปทวงเหรียญทองกลับคืนมาได้

แม้ล่าสุดจะปรับเปลี่ยนให้โปรแกรมไทยลีก และฟุตบอลถ้วยลีกคัพ ไม่ชนกับซีเกมส์แล้ว แต่บางสโมสรที่ยังไล่ล่าแชมป์อยู่ก็ยังยืนยันว่าจะไม่ปล่อยตัวนักเตะอยู่ดี เพราะหากกลับมามีอาการบาดเจ็บ สุดท้ายสโมสรก็ต้องเป็นคนรับจบเช่นเคย
ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะโปรแกรมซีเกมส์ ไม่ได้สอดคล้องกับฟีฟ่าเดย์ แถมยังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกับการลุ้นแชมป์แบบนี้ก็น่าเห็นใจ

มีอีกแนวทางคือส่งชุดอายุไม่เกิน 19 ปีไปแข่งขันแทน เพราะชุด 19 ปีในปัจจุบัน จะต้องไปเป็นกำลังหลักในซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชาปีหน้าอยู่แล้ว ก็ถือเป็นการสร้างทีมไปในตัว ซึ่งวิธีนี้ก็ไม่เลว แต่ต้องถามใจแฟนบอลสักนิด หากพลาดแชมป์เหมือนครั้งก่อนจะออกมาโวยวาย หรือมีดราม่ากันอีกหรือไม่

“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตกุนซือทีมชาติไทย เคยพูดถึงแนวคิดเรื่องการนำ นักเตะชุดเยาวชนไปเล่นในซีเกมส์ แทนที่จะส่งชุดที่ดีที่สุดไป แต่สุดท้ายก็จบลงที่แฟนบอลคงจะรับกันไม่ได้หากพลาดแชมป์

ด้านอากิระ นิชิโนะ อดีตกุนซือทีมชาติไทยอีกคน ชาวญี่ปุ่นก็เคยพูดทำนองว่าซีเกมส์เป็นทัวร์นาเมนต์ที่ทำให้ร่างกายนักกีฬากรำศึกหนัก นอกจากจะเอานักเตะไปได้แค่ 20 คนแล้ว ยังเตะกันถี่เหลือเกิน ดังนั้นเป้าหมายที่สำคัญกว่าเหรียญทองคือการพานักกีฬากลับมาโดยไม่บาดเจ็บ

เชื่อว่าที่ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมพยายามทำทุกวิถีทาง ทั้งเปลี่ยนแม่ทัพเป็น มาโน โพลกิง ที่ได้รับความชื่นชมแทนที่ “โค้ชโย่ง” วรวุฒิ ศรีมะฆะ ซึ่งโดนแฟนบอลสวดมาตลอด และเรียกร้องให้ไทยลีก ขยับโปรแกรมก็เพราะแคร์ความรู้สึกแฟนบอลทุกคนนั่นแหละ

สำหรับครั้งนี้คงได้แต่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ากันไปก่อน แต่ในครั้งต่อๆ ไปคงต้องวางแนวทางกันตั้งแต่เนิ่นๆ จะชุดที่ดีที่สุด หรือชุดเยาวชน ก็สรุปให้แน่ชัด
ส่วนแฟนบอลเองก็ต้องทำความเข้าใจเช่นกัน หากไม่ชอบใจที่นักเตะทีมที่เชียร์ต้องกรำศึกหนัก แล้วจะรับได้ไหมหากบอลซีเกมส์ไทย กลับบ้านมือเปล่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน