คืนนี้พรีเมียร์ลีกมีศึกแดงเดือดที่ลิเวอร์พูลเปิดบ้านปะทะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยทั้งคู่ต้องการชัยชนะแมตช์นี้อย่างมาก ส่วนโคปปา อิตาเลีย 2 ทีมเมืองมิลานต้องห้ำหั่นกันเพื่อแย่งเข้าชิง ชนะเลิศ ทีมไหนจะได้เฮบ้าง มาลุ้นกัน

วันอังคารที่ 19 เมษายน 2565
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล-แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – ศึกแดงเดือดหนที่ 209 นับเฉพาะเกมทางการ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
การพบกัน 208 ครั้งก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูลชนะ 69 นัด เสมอกัน 58 นัด แมนฯ ยูไนเต็ดชนะ 81 นัด แมตช์แรกที่เจอกันในลีกฤดูกาลปัจจุบัน แมนฯ ยูไนเต็ดแพ้คาบ้าน 0-5

ล่าสุดลิเวอร์พูลลงเตะ 31 นัด เก็บไป 73 คะแนน รั้งรองจ่าฝูงและกำลังขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ดเล่นไป 32 นัด มีอยู่ 54 คะแนน ยึดอันดับ 5 ต้องชนะสถานเดียวเพื่อลุ้นแย่งท็อปโฟร์
เช็กฟอร์มในลีก 5 เกมหลัง ลิเวอร์พูล ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 (เหย้า), ชนะไบรตัน 2-0 (เยือน), ชนะอาร์เซนอล 2-0 (เยือน), ชนะวัตฟอร์ด 2-0 (เหย้า), เสมอแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 (เหย้า)
ด้านแมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-4 (เยือน), ชนะท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 3-2 (เหย้า), เสมอเลสเตอร์ ซิตี้ 1-1 (เหย้า), แพ้เอฟเวอร์ตัน 0-1 (เยือน), ชนะ นอริช ซิตี้ 3-2 (เหย้า)

คาดว่าลิเวอร์พูลจะวางหมาก 4-3-3 อลิสสัน เบ็กเกอร์ : เทรนต์ อเล็กซาน เดอร์-อาร์โนลด์, โฌเอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดก์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ, ติอาโก อัลคันตารา : โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิโอโก โชตา, หลุยส์ ดิอาซ

ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ดคงใช้แผน 4-3-3 ดาบิด เด เคอา : อารอน วาน-บิสซากา, แฮร์รี แม็กไกวร์, วิกตอร์ ลินเดเลิฟ, อเล็กซ์ เตลเลส : บรูโน แฟร์นานเดส, เนมานยา มาติช, ปอล ป๊อกบา : อันโธนี อีลังกา, คริสเตียโน โรนัลโด, เจดอน ซานโช

ลิเวอร์พูลยามนี้คึกสุดขีดชนิดยากจะหาใครต้านทาน ต่างจากแมนฯ ยูไนเต็ดที่ฟอร์มแย่ จนน่าห่วง มีแววว่านี่จะเป็นแดงเดือดที่แพ้ชนะกันแบบขาดลอยอีกครั้ง

เดเอฟเบ โพคาล เยอรมนี
รอบรองชนะเลิศ
ฮัมบูร์ก-ไฟรบวร์ก – “สิงห์เหนือ” ฮัมบูร์ก จาก บุนเดส ลีกา 2 เปิดสนามโฟล์กสปาร์กสตาดิโอนรับการมาเยือนของ “จิ้งจอกแห่งป่าดำ” ไฟรบวร์ก จากบุนเดสลีกา

เส้นทางที่ผ่านมา ฮัมบูร์กเริ่มจากรอบแรก ชนะ ไอน์ทรักต์ บราวน์ชไวก์ 2-1, รอบสอง เสมอเนิร์นแบร์ก 1-1 (ต่อเวลาเสมอ 1-1 ชนะจุดโทษ 4-2), รอบ 16 ทีมสุดท้าย เสมอโคโลญจน์ 0-0 (ต่อเวลาเสมอ 1-1 ชนะจุดโทษ 4-3) และรอบก่อนรองชนะเลิศ เสมอคาร์ลสรูห์ 2-2 (ต่อเวลาเสมอ 2-2 ชนะจุดโทษ 3-2)

ด้านไฟรบวร์กเริ่มจากรอบแรกชนะวูร์ซบูร์เกอร์ คิกเกอร์ส 1-0, รอบสอง เสมอออสนาบรูก 1-1 (ต่อเวลาเสมอ 2-2 ชนะจุดโทษ 3-2), รอบ 16 ทีมสุดท้าย ชนะฮอฟเฟนไฮม์ 4-1 และรอบก่อนรองชนะเลิศ เสมอโบคุม 1-1 (ต่อเวลาชนะ 2-1)

ฮัมบูร์กแม้จะหลุดมาถึงรอบนี้ได้ แต่ส่วนใหญ่ก็ต้องพึ่งพาการดวลจุดโทษ ถือว่าฟอร์มไม่ได้น่าประทับใจไปกว่าไฟรบวร์ก มองแล้วทีมเยือนมีโอกาสชนะสูงกว่า

โคปปา อิตาเลีย อิตาลี
รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง
อินเตอร์ มิลาน-เอซี มิลาน – ศึกดาร์บี้แมตช์เมือง มิลานหนที่ 232 นับเฉพาะเกมทางการระหว่าง 2 สโมสรชั้นนำแห่งเซเรีย อา “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน เล่นในฐานะเจ้าบ้าน เจอกับ “ปีศาจแดง-ดำ” เอซี มิลาน ที่สนาม สตาดิโอ จูเซปเป เมอัซซา ที่ทั้งคู่ใช้เป็นรังเหย้าร่วมกัน

การพบกัน 231 ครั้งก่อนหน้านี้ อินเตอร์ชนะ 84 นัด เสมอกัน 69 นัด มิลานชนะ 78 นัด ซึ่งแมตช์แรกที่ทั้งคู่ฉะกันในถ้วยนี้จบเจ๊ากัน 0-0

เส้นทางที่ผ่านมา อินเตอร์เริ่มจากรอบ 16 ทีมสุดท้าย เสมอเอ็มโปลี 2-2 (ต่อเวลาชนะ 3-2) จากนั้นรอบก่อนรองชนะเลิศ ชนะ โรมา 2-0 ส่วนมิลานเริ่มต้นจากรอบ 16 ทีมสุดท้าย เสมอเจนัว 1-1 (ต่อเวลาชนะ 3-1) ต่อด้วยรอบก่อนรองชนะเลิศ ชนะลาซิโอ 4-0

คาดว่าอินเตอร์จะใช้งาน เอดิน เชโก, เลาตาโร มาร์ติเนซ, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู ด้านมิลานคงนำโดย โอลิวิเยร์ ชิรูด์, ราฟาเอล เลเอา, ฟรองก์ เคสซิเย

คู่นี้ศักยภาพสูสีกัน ฟอร์มยังแรงพอกันอีก เรียกได้ว่าฝั่งไหนชนะก็ไม่แปลก แต่มีแววว่าเกมจะยืดเยื้อเกิน 90 นาที

ลา ลีกา สเปน
มายอร์กา-เดปอร์ติโบ อลาเบส – ทั้งคู่กำลังดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อหนีตกชั้น แต่เกมนี้มายอร์กาได้เปรียบในบ้าน โอกาสชนะจึงมีสูงกว่า

เรอัล เบติส-เอลเช – เรอัล เบติสยังมีลุ้นโควตาท็อปโฟร์ เกมนี้เจอเอลเชที่เป็นรองเยอะ เจ้าบ้านไม่น่าพลาดชัย

บียาร์เรอัล-บาเลนเซีย – บียาร์เรอัลยังมีโอกาส ลุ้นตั๋วฟุตบอลยุโรป ขณะที่บาเลนเซียสถานการณ์ลอยตัว ไม่กดดันอะไร เจ้าบ้านน่าเบียดชนะ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน