วันที่ 1 พ.ค. นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชี รายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเงิน การคลัง สถาบันการเงิน เเละตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเครือข่าย เเรงงาน ยื่นข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลให้ทำตามสัญญาที่ หาเสียงช่วงเลือกตั้งไว้ ปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 492 บาท ในอัตราเท่ากันทั้งประเทศว่า ตนเข้าใจเเละเห็นใจพี่น้องแรงงาน แต่การปรับขึ้นต้องชั่งน้ำหนัก ระหว่างความต้องการของทั้งลูกจ้าง และนายจ้าง ที่เจอภาวะเศรษฐกิจ และปัญหาโควิด-19 ถ้าแก้ผิดจุดจะกลายเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤตแก้ปัญหาหนึ่งแต่สร้างอีกปัญหาหนึ่ง

ตนน่าเห็นใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่หากปรับค่าแรง ขั้นต่ำสูงแบบก้าวกระโดดจาก 313-336 บาท ไป 492 บาท ราคาสินค้าที่สูงอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น เพราะต้นทุน ผู้ประกอบการสูงขึ้น หากขึ้นแบบก้าวกระโดด รับรองว่าสินค้าจะแพงขึ้นเป็นเงาตามตัว จะมีนายจ้างหลายราย ทยอยยกธงขาว ปิดกิจการ ปลดคน เกิดปัญหาลูกจ้างตกงานลามเป็นห่วงโซ่ มีบทเรียนราคาเเพงเคยเกิดมาเเล้ว ในปี 2555 ตอนขึ้นค่าแรงก้าวกระโดดเป็น 300 บาท ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยที่ต้องขึ้นค่าเเรงใน เวลานี้ แต่ต้องชั่งน้ำหนักทุกมิติ กำหนดตัวเลขที่ทั้งฟาก เเรงงาน และผู้ประกอบการรับได้ โดยควรปรับขึ้นตามสัดส่วนขั้นบันได มากกว่าการขึ้นพร้อมกันตัวเลขเดียว ทั้งประเทศ อยากให้คณะกรรมการไตรภาคี พิจารณาให้รอบคอบด้วย

“พรรคไหน เคยรับปากไว้แล้วตอนหาเสียง แต่ยังทำไม่ได้ ก็ควรเร่งแก้ไขเยียวยาด้วยวิธีอื่น โดยการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยหาทางลดต้นทุน ไม่ใช่สัญญาจะขึ้น ค่าเเรงไว้ตั้งแต่ตอนหาเสียง แต่พอได้เป็นรัฐบาล สัญญานั้นก็หายไปกับสายลม นี่คือเครื่องเตือนใจก่อนเข้าคูหา ว่าอย่าเลือกเพราะนโยบายขายฝัน ที่ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่า ทำไม่ได้จริง” นายอิสระกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน