ถ่ายทำเสร็จมานาน 3 ปี แต่ภาพยนตร์ “บักแตงโม” เพิ่งมีโอกาสเข้าฉายปลายเดือนที่ผ่านมา โดย ‘ก้อง ห้วยไร่’ พระเอกของเรื่อง ได้เปิดใจถึงการแสดงภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว พร้อมอัพเดตชีวิตครอบครัวและเป้าหมายที่แพลนไว้

คาแร็กเตอร์ในหนัง “บักแตงโม” เป็นอย่างไร?
ก้อง – “ในเรื่องรับบท โทนี่ รวยและหล่อมาก เป็นเศรษฐีฝั่งลาว ตัวเองจบนอก หลังพ่อเสียก็กลับมารับมรดก แต่โดนอาคือพี่อี๊ด โปงลางสะออน ไล่ฆ่า เลยว่ายข้ามแม่น้ำโขงหนีตายไปเจอ เดือน คือน้องฟิฟิล์ม กับพี่ตั๊ก ศิริพร แม่ของเดือน เรื่องวุ่นๆ ก็เกิดขึ้น”

ต้องปะทะกับพี่ตั๊ก ศิริพร ที่เล่นเป็นแม่นางเอก เป็นยังไงบ้าง?
ก้อง – “ด้นสดทั้งเรื่อง ไม่ต้องอ่านบทให้เสียเวลา ให้เราเอาความรู้สึกของเราต่อปากต่อคำกับพี่ตั๊กตรงนั้นเลย นี่คือความเป็นมืออาชีพของพี่ตั๊ก ผมว่ามันจะตลกตรงที่ไม่ได้มีมุขที่เตี๊ยมกันมา”

แล้วกับนางเอก ‘น้องฟิฟิล์ม’ สิริอมร อ่อนคูณ หรือ ‘หมอปลาวาฬ’ จาก “ไทบ้านเดอะซีรีส์” ล่ะ?
ก้อง – “เป็นการร่วมงานครั้งแรก ประทับใจครับ ผมติดตามผลงานน้องอยู่แล้ว มีโอกาสได้ร่วมงานเป็นอะไรที่ดีมาก จากแฟนคลับกลายเป็นเพื่อนร่วมงาน ด้วยผมสนิทกับ น้องๆ ในไทบ้านฯ แทบทุกคน มาถึงกองปั๊บก็อวดลูกคุยเรื่องลูกนั่นนี่ พอเข้าฉากต้องเล่นเป็นแฟนมองตาซึ้ง มันไม่ได้เขิน แต่มันตลกตัวเองกับน้องครับ”

หนังเรื่องนี้เป็นความทรงจำ มีน้าค่อม ชวนชื่น พี่โรเบิร์ต สายควัน ร่วมแสดงเป็นหนังเรื่องสุดท้าย?
ก้อง – “ไม่อยากใช้คำว่าร่วมแสดงเรื่องสุดท้ายของสองตำนาน คือเรื่องนี้ไม่ได้จบแค่น้าค่อม พี่โรเบิร์ต คนที่ริเริ่มสร้างหนังเรื่องนี้ คือพี่แหลม พระนครฟิลม์ ก็เสียชีวิตเหมือนกัน และป้าหน ช่างแต่งหน้าก็เสีย เรื่องนี้มีคนใกล้ตัวผมเสียถึง 4 คน ต่อๆ กันเลย เป็นอะไรที่ทำใจลำบาก ก็อยากให้แฟนๆ มาดูของขวัญที่ทั้ง 4 ท่านมอบไว้ มารับเอารอยยิ้มนี้นะครับ”

ถามถึงชีวิตครอบครัวหน่อย ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
ก้อง – “มีความสุขมากครับ ลูกกำลังโต ไข่เจียวกำลังไปโรงเรียน กะเพรากำลังหัดพูด แล้วลูกๆ ผมอีก 2 คนที่เกิดจากอดีตภรรยา ก็โตแล้ว พอปิดเทอมมาหาเรา พี่น้องเข้ากันได้ดี น้องเบลก็ใจกว้างให้ลูกๆ มาอยู่ด้วยกันโดยไม่มีข้อจำกัด พอเปิดเทอมเขา ก็กลับไปทำหน้าที่ตัวเอง ไปเรียนหนังสืออยู่กับคุณตาคุณยายและคุณแม่ของเขา”

มีลูกคนไหนมีแววเข้าวงการเป็นศิลปินตามพ่อไหม?
ก้อง – “พี่คนโตร้องเพลงเพราะ แต่อนาคตให้เขาเลือกเอง เคยบอกเขาว่าถ้าวันหนึ่งหนูเลือกทางเดินจะถูกผิดอะไรก็ตาม พ่อจะอยู่ ตรงนี้ แต่พ่อไม่สามารถไปอยู่ข้างๆ หนูได้ตลอดเวลานะ ถ้ารู้สึกไม่ดีให้ถอยหลังมาหาพ่อ บอกเขาแค่นี้ เพราะเขากำลังโตเป็นสาว อายุ 14 แล้วครับ”

เจอผลกระทบจากโควิดเหมือนคนอื่นไหม?
ก้อง – “เจอครับ แต่โชคดีที่วางแผนชีวิตไว้ มีเงินเก็บจากการทำงานในช่วงที่ยังไม่มี โควิด แล้วรับพี่ๆ น้องๆ ศิลปิน ที่ตกงานให้ไปขายของที่ อีหลีน่าคาเฟ่”

สิ่งที่ตั้งเป้าหมายอยากสร้างแลนด์มาร์กให้คนอีสาน คืบหน้าแค่ไหนแล้ว?
ก้อง – “40% แล้วครับ อยากทำให้มันเต็มร้อย อยาก ให้เป็นที่พักรถ คนที่เดินทางเหนื่อยๆ มาพักรถ กินข้าว พักผ่อน ครบวงจร มีปั๊มน้ำมัน มีที่นอน มีห้างสไตล์อีสาน ชาวบ้านแถวนั้นสามารถมาขายของอย่างสบายใจ”

พื้นที่ “ห้วยไร่ อีหลีน่า” มีประมาณกี่ไร่?
ก้อง – “25 ไร่ ในสนามพื้นที่ 6-7 ไร่ ที่เหลือเป็นป่า ซึ่งป่า ตรงนั้นผมปลูกต้นไม้ ปลูกเห็ดไว้กินเอง ก่อนหน้านี้เคยให้รางวัลกำไรชีวิตตัวเองด้วยการซื้อรถแพงๆ ของแบรนด์เนม ซึ่งเป็นประสบการณ์ชีวิตที่สอนผม ซื้อของที่ไม่จำเป็นอวดคนไม่รู้จัก ซื้อรถคันแพงๆ มาจอดไว้ไม่ได้ประโยชน์ ผมว่ากำไรชีวิตตรงนั้นเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ผิดพลาดของผม ตอนนี้ก็เปลี่ยนจากซื้อสิ่งของฟุ่มเฟือย ไปซื้อที่ดินแทน ถามว่าตอนนี้มีกี่ไร่แล้ว ก็ร้อยอยู่ครับ ซื้อที่ป่าจากญาติๆ เพื่อไม่ให้เขาตัดไม้”

วางแผนชีวิตตั้งแต่ตอนช่วงดังใหม่ๆ ปูทางไว้ จนตอนนี้เรียกว่าประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง?
ก้อง – “ผมว่าเป็นการเอาเรื่องที่เราทำทั้งดีไม่ดีมาเป็นประสบการณ์ชีวิต ทำให้รู้ว่าอย่าประมาทในการใช้ชีวิต ซึ่งชีวิตผมกำไรตั้งแต่การได้ก้าวเข้ามาทำงานตรงนี้แล้ว เลยไม่กล้าพูดเต็มปากว่าประสบความสำเร็จในชีวิต เหมือนช่วงชีวิตเกิดจากความประจวบเหมาะ จังหวะชีวิตมากกว่าครับ ถามว่าวางแผนการเงินในช่วงวิกฤตไม่ให้ได้รับผลกระทบยังไง คือโลกเราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ถ้าควบคุมตัวเองได้ ใช้ชีวิตแต่ละวันใช้เงินให้พอดี ที่สำคัญต้องหาเพิ่ม อย่าทำอาชีพเดียว”

“ผมจะมีทฤษฎีหนูนา เป็นหนูตัวเล็กๆ แต่สร้างรูหลบหนีได้ถึง 8-9 รู ซึ่งผมกำลังทำอยู่ ไม่ได้แค่แสดงหนังอย่างเดียว อาจจะค้าขายเล็กๆ ที่อีหลีน่าคาเฟ่ อนาคตอาจเป็นอาชีพเดียวที่เหลืออยู่ก็ได้ ผมอาจจะขายน้ำหวาน อยากมีความสุขที่บ้านตัวเองก็ได้ เลยวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อยู่ ความแน่นอนไม่มีในโลกครับ”

วีรนุช จันทำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน