การเลือกตั้งคือหลักสำคัญของความเป็นประชาธิปไตย เป็นระบบที่ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมตัดสินใจในอนาคตของตัวเองได้ดีที่สุด แล้วที่สำคัญคือความเสมอภาคของมนุษย์ ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าหรือยาจก เมื่อเดินเข้าคูหา กาบัตร ก็มี 1 สิทธิ์ 1 เสียงเท่าเทียมกัน
ดังนั้นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเลือกตั้งในรอบ 9 ปี หลังจากประชาชนสูญเสียอำนาจการเมืองเพราะการรัฐประหาร
จึงเป็นการเลือกตั้งที่คึกคักเข้มข้นอย่างมาก
นอกจากเลือกเพื่อให้ได้ผู้ว่าฯ ที่จะเข้ามาบริหารเมืองหลวง เพื่อประโยชน์ของคนเมืองกรุง โดยเน้นฝีมือ ความจริงจังและวิสัยทัศน์ของนักบริหาร
ยังมีความหมายในทางการเมือง เพราะเป็นการเลือก ในวันที่ 22 พฤษภาคม วันเดียวกับที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อการรัฐประหารเมื่อปี 2557
ความหมายนี้แสดงผ่าน การเลือกผู้สมัครฝ่ายประชาธิปไตยอย่างท่วมท้น เหนือกว่าฝ่ายที่ฝักใฝ่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์!
กล่าวได้ว่า 22 พฤษภาคม เมื่อปี 2557 คือวันล้มล้างประชาธิปไตย
ส่วน 22 พฤษภาคม 2565 คือวันกลับคืนมาของประชาธิปไตย
แถมผลการเลือกตั้ง ยังเหมือนเป็นการตอบโต้เอาคืน ฝ่ายที่ร่วมกันสมคบคิดก่อการ 22 พฤษภาคม 2557 อย่างชัดเจน
ไม่เท่านั้น ยังมองกันอีกว่า ประชามติของคนกทม. เมื่อ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา
น่าจะเป็นการส่งสัญญาณถึงภาพการเมืองใหญ่และการเลือกตั้งใหญ่ส.ส.ทั่วประเทศ ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้อีกด้วย!
ถ้าหากมองผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ บ่งบอกว่าเป็นปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ในเมืองหลวง
แล้วมองต่อไปถึงการเลือกตั้งส.ส.ทั่วประเทศที่กำลังจะมาถึง ยิ่งน่าคิด
อาจจะเกิดปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ในทั่วประเทศขึ้นมาก็เป็นไปได้!
จำได้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ โดยพูดถึงบรรยากาศการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ด้วยประโยคสำคัญที่ว่า “ใครสัญญาอะไรไว้ ก็ทำให้ได้ก็แล้วกัน”
นอกจากเป็นคำที่ฝากไปถึงคนที่เป็นผู้ว่าฯ คนใหม่แล้ว ยังเป็นประโยคที่ย้อนกลับไปหาพล.อ.ประยุทธ์เองด้วย
เพราะ 22 พฤษภาคม 2557 นั้น คณะรัฐประหารประกาศเอาไว้ว่า เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน
จนโดนล้อเลียนไปทั่วว่า ผ่านมา 8 ปีแล้วแต่พล.อ. ประยุทธ์ก็ยังอยู่ ไม่รู้ทำตามสัญญาอะไร โดยอยู่ด้วย อำนาจกองทัพและ 250 ส.ว.
ส่วนคนที่ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯ เขามาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนล้วนๆ
เขาทำตามสัญญาแน่ แต่ถ้าไม่ทำตาม จะโดนประชาชนตัดสินได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
นี่คือประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมและ มีส่วนตัดสิน ต่างกับอำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย!
วงค์ ตาวัน
