ก่อนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ บทบาท “กลุ่ม 16” ได้รับความสนใจอย่างสูง
เป็นความสนใจบนพื้นฐานความคาดหวังที่ว่าที่เรียกว่า “กลุ่ม 16” อาจกลายเป็น “กลุ่ม 18” ได้ในทางเป็นจริง
ทำให้ชื่อของ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ได้รับความสนใจ
เป็นความสนใจที่ระหว่าง นายพิเชษฐ สถิรชวาล กับ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ได้มีการแลกเปลี่ยน “ข้อมูล” กันอย่างคึกคัก เร่าร้อน
ก่อความหวังที่จะคว่ำรัฐบาลในชั้น “งบ ประมาณ”
ต้องยอมรับว่าความคาดหวังทางการเมืองนี้มิได้จุดโดย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร
หากแต่ยังมีการขานรับจากแถลงของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ทั้งในฐานะ “ผู้นำฝ่ายค้าน” และในฐานะ “หัวหน้าพรรค” เพื่อไทย
โดยมีภาพ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ปรากฏ
ไม่เพียงปรากฏคู่กับภาพ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร มือทำงานอันโดดเด่น หากแต่ปรากฏคู่กับภาพ นายพิเชษฐ สถิรชวาล
ยิ่งมีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มาด้วยยิ่งสดใส กาววาว
แต่แล้วเมื่อผลการลงมติรับร่างพ.ร.บ.งบประมาณ วาระหนึ่งเป็น 278 เสียง
สายตาของทุกฝ่ายไม่เพียงทอดมองไปยัง “กลุ่ม 16” หากแต่ยังทอดมองไปยังบำเหน็จที่พรรคเศรษฐกิจไทยได้รับอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เรื่องจึงกลับกลายเป็น “โอละพ่อ” ขึ้นมา
ถามว่าระหว่างการเคลื่อนไหวของ“กลุ่ม 16” ประสานกับการเคลื่อนไหวของ “พรรคเศรษฐกิจไทย” และ “พรรคเพื่อไทย” ใครได้ประโยชน์
ความหมายจึงหมายความว่า เป็นใครหลอกใคร
หากนำเอาบทสรุปของ นายสุทิน คลังแสง ภายใต้กระบวนการ “สู้เป็น” มาประสาน
ก็ต้องยอมรับว่า บาทก้าวของ “กลุ่ม 16” เมื่อประสานกับบาทก้าวของ “พรรคเศรษฐกิจไทย” ครองประโยชน์ทางการเมืองได้มากกว่า
อย่างน้อยก็ดึงคนของพรรคเพื่อไทย มาเป็น “หมาก” ได้