บรรดาค่ายยอดนิยม 3 อันดับแรกของสมาร์ตโฟนในโลกชั่วโมงนี้ ได้แก่ ซัมซุง จากเกาหลีใต้ แอปเปิ้ล จากสหรัฐ อเมริกา และเสี่ยวหมี่ จากจีน ที่ต่างมีจุดขายของตัวเอง “วันพลัส” นับเป็นอีกหนึ่งค่ายดังแดนมังกร ที่น่าจับตานอกเหนือจากออปโป้ เพราะกำลังเติบโตและได้รับความนิยมสูงขึ้นต่อเนื่อง

การตลาดของวันพลัส ที่ใช้การเปิดตัวในฐานะ “ม้ามืด” สร้างความแปลกประหลาดใจ ยังคงใช้ได้ดี ล่าสุด เป็นรุ่น วันพลัส 10 อาร์ (OnePlus 10R) ที่นอกจากมี สเป๊กประสิทธิภาพสูง ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 มิลลิแอมป์ต่อชั่วโมง รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว SUPERVOOC Endurance ชาร์จได้ร้อยละ 30 ในเวลา 3 นาที และเต็มภายในเวลาเพียง 20-22 นาที ด้วยชาร์จเจอร์ขนาด 150 วัตต์ (W)

ท้าชนโดยตรงกับจุดขายของเรือธงเสี่ยวหมี่อย่าง เสี่ยวหมี่ 12 โปร (Xiaomi 12 Pro) ซึ่งผู้ทดสอบเคยรีวิวให้ชมไปเมื่อไม่นานนี้ ที่สนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จไวขนาด 120 W ชาร์จเต็มใน 26 นาที แต่ความปังของวันพลัส 10 อาร์ อยู่ที่ราคาซึ่งถูกกว่า

เว็บไซต์บีจีอาร์ ระบุถึงงานออกแบบภายนอกว่า วันพลัส 10 อาร์ มีรูปโฉมค่อนข้างแตกต่างจากสมาร์ตโฟนรุ่นก่อนๆ ของค่าย มีลักษณะคล้ายหินอ่อนลวดลายเป็นระเบียบเรียบร้อย มุมเครื่อง โค้งมน มีความแบนทั้งหน้าและหลัง ใช้วัสดุอย่างกระจกหน้า Gorilla Glass 5 ประกบโครงและพื้นหลังทำจากพลาสติกโพลีคาร์บอเนต เพิ่มความเหนียวแน่นขณะถือในมือ แลกกับความรู้สึกที่พรีเมียมน้อยลงกว่าสมาร์ตโฟนเรือธงของค่ายชั้นนำ

วันพลัส 10 อาร์ ขนาดกว้าง 75.5 ยาว 163.3 หนา 8.2 มิลลิเมตร น้ำหนักรวมแบตฯ 186 กรัม มองภายนอกแลดูโดดเด่นด้วยลวดลายแบบ dot matrix ที่ฝาหลังผิวด้าน หมดปัญหารอยนิ้วมือ มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำเซียร์ร่า (Sierra Black) กับสีเขียวฟอเรสต์ (Forest Green) นอกเหนือจากนั้นเป็นลำโพงสเตอริโอ ช่อง USB-C ระบบสแกนลายนิ้วมือบนจอภาพ แต่ไม่มีช่องหูฟังมินิสเตอริโอ ไม่รองรับการ์ดเก็บข้อมูล microSD และแถบ Alert Slider ถูกนำ ออกไป ซึ่งน่าเสียดายเพราะเดิมเป็นฟีเจอร์เอกลักษณ์ของวันพลัส

หากเทียบกับวันพลัส 9 ที่ได้รับคำชื่นชมกว้างขวางจากบรรดานักรีวิว จะพบว่า วันพลัส 10 อาร์ หนาและหนักมากกว่าเล็กน้อย โดยรุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอแสดงผลทัชสกรีน Fluid AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1,080 x 2,412 พิกเซล (FHD+) ความหนาแน่นพิกเซล 394 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (PPI) อัตราส่วนภาพ 20:9 พื้นที่จอภาพต่อตัวเครื่องร้อยละ 87.6 รองรับเทคโนโลยีภาพ HDR10+ และความถี่สูงสุด 120 เฮิร์ตซ์ (Hz) ซึ่งจะปรับเปลี่ยนโดยอัตโนมัติขึ้นกับคอนเทนต์ที่รับชม ได้แก่ 60, 90 และ 120Hz ถือเป็นเทคโนโลยีเดิมจากวันพลัส 9








Advertisement

วันพลัส 10 อาร์ ใช้ขุมพลังจากชิพรวมระบบ (SoC) รุ่น MediaTek Dimensity 8100-Max จากค่ายมีเดียเทคของไต้หวัน สร้างด้วยสถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 5 นาโนเมตร (nm) ภายในประกอบด้วยหน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียูแบบ 8 คอร์ (Octa-core) และหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียูรุ่น Mali-G610 รองรับเทคโนโลยีการสื่อสารยุคที่ห้า (5G) สัญญาณ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6 แบบ dual-band และบลูทูธ 5.2

สำหรับซีพียู แบ่งเป็น 2 คลัสเตอร์ ได้แก่ Cortex-A78 ความถี่สัญญาณนาฬิกา 2.85 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) จำนวน 4 คอร์ และ Cortex-A55 ความถี่ 2.0 GHz จำนวน 4 คอร์ มีพื้นที่เก็บข้อมูล (ROM) และหน่วยความจำแรม (RAM) ให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ 128/8 กิกะไบต์ (GB) 256/8 GB และ 256/12 GB

เว็บไซต์แอนดรอยด์อูธอริตี ระบุ รายละเอียดของชิพ MediaTex Dimensity 8100 Max ค่อนข้างจำกัด แต่จากการทดสอบเบนช์มาร์กผ่านแอพพลิเคชั่น Geekbench 5 พบว่าได้คะแนนซีพียูคอร์เดียว 873 และหลายคอร์ 3,514 แต้ม ส่วนแอพเบนช์มาร์กกราฟิก 3D Mark : Wild Life ได้คะแนน 5,474 แต้ม เรียกว่า มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับเดียวกับชิพ Snapdragon 888 จากค่ายควอลคอมม์ ประเทศสหรัฐ ซึ่งเป็นชิพเรือธงปีที่แล้ว จึงมั่นใจได้ว่ารองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบและเล่นเกมระดับ AAA ได้ดีเยี่ยม ทว่า สิ่งน่าจับตามองที่สุดเกี่ยวกับชิพประสิทธิภาพสูงเหล่านี้เป็นเรื่องความร้อน

การทดสอบของแอนดรอยด์อูธอริตีพบว่า วันพลัส 10 อาร์ มีระบบระบายความร้อนดีเยี่ยม ทำให้ชิพใช้งานได้ยาวนานโดยไม่พบปัญหาความร้อนสูงเกิน (overheat) ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพชิพลดลง โดยเฉพาะขณะเล่นเกมติดต่อกันเป็นเวลานานทำให้เฟรมเรต พังพินาศ หนึ่งในตัวอย่างนี้เป็นเรือธงใหม่ล่าสุดอย่างเสี่ยวหมี่ 12 โปร ซึ่งใช้ชิพตัวจี๊ดอย่าง Snapdragon 8 Gen 1 ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามาก (ชิพเรือธงปีนี้) แต่มีปัญหาความร้อนสูง จึงต้องใช้การออกแบบการระบายความร้อนที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งการทดสอบเล่นเกม AAA บางเกมอย่าง Genshin Impact หรือ Heaven Burns Red พบว่าชิพ overheat หลัง 30 นาทีเป็นต้นไป ทำให้เฟรมเรตตกลงมาแบบกราวรูดเลย ทีเดียว (แบบนี้ก็ไม่ค่อยดี)

มาถึงไฮไลต์ที่สุดของเครื่องรุ่นนี้ที่เกริ่นไปข้างต้น คือ เทคโนโลยีการชาร์จที่ว่องไวน่าตกตะลึง ซึ่งทางวันพลัสเปิดตัวมาในมือถือปีนี้ตามสัญญา ด้วยการรองรับชาร์จเจอร์ขนาด 150 W วันพลัส 10 อาร์ จะไม่ใช่มือถือเรือธงของค่ายก็ตาม (ระดับกลางค่อนข้างสูง) โดยผู้ใช้ต้องเลือกซื้อรุ่น 256/12 GB แบตขนาด 4,500 mAh เท่านั้น ส่วนรุ่นกลางและรุ่นเริ่มต้นจะมาพร้อมชาร์จเจอร์ขนาด 80 W แบตขนาด 5,000 mAh ซึ่งถือว่าชาร์จเร็วมากอยู่แล้ว ส่วนระยะเวลาใช้งานของแบตก็ดีเยี่ยม อยู่ได้ทั้งวันสบายๆ เทคโนโลยีชาร์จไวยังทำให้หายห่วงเรื่องแบตฯ หมด

นอกจากนี้ วันพลัส 10 อาร์ ยังมีฟังก์ชันถนอมอายุการใช้งานแบตฯ เรียกว่า Smart battery health algorithm เป็นอัลกอริทึม ที่จะเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้และปรับการใช้งานพลังงานให้สอดคล้องกัน และฟังก์ชั่นเป็น battery healing technology ที่คอยป้องกันความเสียหายที่จะเกิดจากการเสียบสายชาร์จค้างไว้เป็นเวลานาน

ด้านกล้องของวันพลัส 10 อาร์ เป็นระบบ 3 เลนส์ มีกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (MP) แตกต่างจากวันพลัส 9 ที่เป็นระบบ 4 เลนส์ โดยมีกล้องหลักความละเอียด 48 MP โดยภาพรวมถือว่ากล้องหลักรุ่นใหม่ ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยปริมาณพิกเซลและเซ็นเซอร์รุ่นใหม่อย่าง IMX766 จากค่ายโซนี่ ประเทศญี่ปุ่น

การทดสอบพบคุณภาพของระบบต่อต้านการสั่นสะเทือนขณะ ถ่ายภาพ (OIS) เหมือนเดิม แต่ข้อด้อยของวันพลัส 10 อาร์ อยู่ที่คุณภาพเลนส์อัลตราวายและเลนส์มาโครถูกลดลงมาเหลือ 8 และ 2 MP ตามลำดับ จากเดิม 16 และ 5 MP ในวันพลัส 9 แต่ชดเชยด้วยอัลกอริทึมแบบใหม่ที่ทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยให้ภาพคมชัดสวยงามขึ้น

วันพลัส 10 อาร์ ยังมาพร้อมฟีเจอร์อื่นๆ ที่ช่วยให้การถ่ายภาพ คมชัดยิ่งขึ้น เช่น Image clarity engine ที่ทำให้ลดความหน่วงเวลาระหว่างการกดชัตเตอร์กับการประมวลผลภาพออกมา ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ถ่ายภาพที่ตอบสนองว่องไวทันใจมากขึ้น ขณะที่กล้องหน้าความละเอียด 16 MP มาพร้อมระบบกันสั่นสะเทือนภาพที่ทำให้สามารถถ่ายเซลฟี่ได้คมชัดขึ้นด้วย

ทีมข่าวสดไอที มองว่า วันพลัส 10 อาร์ เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางที่มีประสิทธิภาพสูง แม้ภายนอกจะใช้วัสดุที่ทำให้สูญเสียความรู้สึกพรีเมียมไป กล้องถ่ายภาพที่คุณภาพลดลงกว่าวันพลัส 9 เรื่องของซอฟต์แวร์ที่ยังไม่ลงตัวเท่ากับค่ายชั้นนำ ไม่กันน้ำกันฝุ่น และไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย

แต่ทั้งหมดนี้ชดเชยด้วยการออกแบบสวยงามสะดุดตา แตกต่างจากสมาร์ตโฟนทั่วไป หน้าจอที่ยอดเยี่ยม ระยะเวลาการใช้งานยาวนานและประสิทธิภาพการใช้งานที่ไม่ก่อให้เกิดความร้อนมากเกินไป ตลอดจนเทคโนโลยีชาร์จที่รวดเร็วในระดับเรือธงชั้นนำของวงการ สนนราคาที่ประมาณ 2 หมื่นบาทเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกน่า เย้ายวนใจ

ทีมข่าวสดไอที
ภาพ – แอนดรอยด์อูธอริตี/บีจีอาร์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน