ผู้ว่าฯแบงก์ชาติส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยสยบเงินเฟ้อพุ่ง ให้ลุ้นขึ้นเท่าไหร่-ต่อเนื่องหรือไม่ พร้อมจับตาบาทอ่อนซ้ำเติมเงินเฟ้อ เพิ่มความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันต้องออกมาตรการช่วยคนจนได้รับผลกระทบ

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจำเป็นต้องขึ้นกับบริบทของประเทศเป็นสำคัญ และคงไม่ใช่การปรับขึ้นดอกเบี้ยไปตามทิศทางของธนาคารกลางประเทศหลักๆ เนื่องจากบริบทของไทยแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมาจากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากฝั่งอุปสงค์เป็นหลัก ไม่ใช่จากฝั่งอุปทาน โดยเงินเฟ้อปี 2565 น่าจะวิ่งไปสูงสุดที่ 6.2% ซึ่งจะพีกสูงสุดในไตรมาส 3/2565 ก่อนจะทยอยปรับลดลงมาในระยะต่อไป

ทั้งนี้ โจทย์ด้านนโยบายการเงินที่สำคัญคือ ทำอย่างไรให้การฟื้นตัวไปอย่างต่อเนื่อง หากไม่ดูแลเรื่องเงินเฟ้อด้วยโอกาสที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวไม่ต่อเนื่อง ดังนั้น คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จึงพิจารณาบริบทของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน พิจารณาภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นเป็นหลัก

“การขึ้นดอกเบี้ยต้องดูบริบทของเรา เงินเฟ้อของไทยที่พุ่งขึ้นมาจากฝั่งอุปสงค์ไม่ได้มากเท่าฝั่งอุปทาน ในบริบทปัจจุบันการขึ้นดอกเบี้ยควรเป็นแบบของตัวเราเอง ไม่ควรต้องตามธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย ก็ไม่จำเป็นว่าไทยต้องขึ้นตาม เป็นเรื่องจริงที่เฟดขึ้นดอกเบี้ย แล้วเราไม่ขึ้นอาจกระทบเงินทุนเคลื่อนย้าย แต่เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยไม่มีปัญหา เงินทุนเคลื่อนย้ายก็ไม่ได้ไหลออก ดังนั้นสิ่งที่ไทยต้องดูคือเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ เสถียรภาพทางการเงิน”

นายเศรษฐพุฒิกล่าวว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยจะต้องไม่ขึ้นช้าจนเกินไป เพราะถ้าขึ้นช้าเกินไปจะไม่ดี ที่ผ่านมาไทยใช้นโยบายการเงินผ่อนปรนมากและเป็นเวลานาน เป็นหน้าที่ของกนง.ที่จะตัดสินใจว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ และการขึ้นดอกเบี้ยต้องพิจารณาในทุกๆ ปัจจัย ซึ่งรวมถึงค่าเงินบาท เช่น กรณีที่เงินบาทอ่อนค่ามากๆ จะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อด้วยหรือไม่

ส่วนผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้นจะเกิดกับผู้มีรายได้น้อยมากกว่า โดยกนง.ก็มีเครื่องมือในการเข้าไปดูแลที่ผ่านมาก็มีหลายมาตรการออกมาแล้ว เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ คลินิกแก้หนี้ เป็นต้น ถือเป็นมาตรการที่ยืดหยุ่นและครอบคลุม แต่ถ้ายังไม่พอก็พร้อมที่จะออกมาตรการเสริมเพิ่มเติมขึ้นมาอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน