นับเป็นอีกพรรคการเมืองที่ถูกกล่าวขวัญกันอย่างกว้างขวาง สำหรับพรรคภูมิใจไทย ที่ในยามนี้ดูเหมือน จะมีความพร้อมในสนามการเมืองมากกว่าใคร
มากกว่าพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย และมากกว่าพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐเสียเอง
ทั้งจากความมั่นคง ความมั่งคั่ง และแรงดึงดูดบรรดาส.ส.จากพรรค ฝ่ายค้าน ที่ย้ายสังกัดตามกันมาเป็นพรวน ยิ่งในจังหวะที่พล.อ.ประยุทธ์จะยืนระยะได้อีกสมัย หรือไม่อย่างไร
ทำให้ถึงกับมองว่าเส้นทางสู่นายกฯ ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ดูจะสดใสกาววาวพอสมควร
แถมยังเป็นช่วงปลดล็อกกัญชา ที่พรรคภูมิใจไทย ก็ตีปี๊บว่าเป็นผลงานของตัวเองมาตั้งแต่ต้น ก็น่าจะ เก็บเกี่ยวคะแนนได้เป็นกอบเป็นกำ จากผู้ได้ประโยชน์จากนโยบาย ดังกล่าว
แต่เอาเข้าจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น นโยบายเรื่องปลดล็อกกัญชา กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมใดๆ ทั้งที่มีกำหนดวันปลดล็อกชัดเจน แต่กลับไม่ดำเนินการออกกฎหมายปิดช่องโหว่ ป้องกันการเข้าถึงของกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งเด็กและเยาวชน
แทนที่จะเรียกว่าปลดล็อกกลับเป็นการปล่อยผี!!
แม้จะยังดีที่มากลับตัวทัน ออกประกาศให้เป็นสมุนไพรควบคุม ให้มีเครื่องไม้เครื่องมือเจ้าหน้าที่สำหรับควบคุมดูแลก็หลังจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ออกแอ๊กชั่นโกยคะแนนการเมืองนำไปก่อนแล้ว
แถมระหว่างรักษาทรง ก็เจอพลพรรคเพื่อไทย ยกทัพใหญ่เปิดแคมเปญ “ไล่หนู ตีงูเห่า” ที่จ.ศรีสะเกษ 3 เวทีซ้อน
กลายเป็นประเด็นการเมืองที่ต้องเร่งชี้แจง
รวมทั้งคำถามจากสังคมต่อสโลแกนของพรรค ที่ว่า “พูดแล้วทำ” นั้นทำอะไร ทำอย่างที่พูด หรือทำอะไร ก็ได้
เพราะคนส่วนใหญ่ก็ยังจำได้ว่าตอนหาเสียงปี 2562 นายอนุทินประกาศ ในหลายเวทีว่าไม่สนับสนุนพล.อ. ประยุทธ์เป็นนายกฯ ไม่ยอมรับการสืบทอดอำนาจ
แต่ต่อมาเป็นอย่างไรก็รู้ๆ กันอยู่
ลองชี้แจงแถลงไข ประกาศเป็นสัญญาประชาคมอีกครั้งก็ได้ ว่า เลือกตั้งครั้งหน้า ภูมิใจไทยจะมีจุดยืนอย่างไร
เคียงข้างประชาชน หรือนั่งร้านเผด็จการ
คนเขาจะได้เลือกถูก ไม่ต้องช้ำใจแบบเดิมๆ อีกแล้ว!!!
รุก กลางกระดาน