คริปโตเคอร์เรนซี หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า คริปโตฯ สินทรัพย์ดิจิทัล ที่ร้อนแรงที่สุดในขณะนี้ ไม่กี่เดือนก่อนหน้าสร้างความร่ำรวยให้นักเทรดหน้าใหม่กลายเป็นเศรษฐีในช่วงข้ามคืน แต่ความผันผวนเกินจะคาด ก็ทำให้หลายคนถึงกับหมดเนื้อหมดตัว โดยเกิดกับทั่วทั้งโลก ไม่เว้นแม้เมืองไทย

เช่นหนุ่มวัย 34 ปีที่หวังร่ำรวยจากการเข้าเทรดคริปโตฯ แต่เมื่อทุกอย่างไม่เป็นใจจากราคาเหรียญคริปโตฯ ที่ดิ่งลงชนิดยังมอง ไม่เห็นก้นเหว สุดท้ายไม่ได้เป็นเศรษฐีแต่กลายมาเป็นโจรชิงทรัพย์ร้านทอง

คดีนี้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 มิ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.น.6, พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.สน.พระราชวัง พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.สส.บก.น.6 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวคนร้ายก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ร้านทองบ้วนหลี (ชมพู) ริมถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระราชวัง กทม. ท้องที่ สน.พระราชวัง

พล.ต.ต.นพศิลป์เปิดเผยว่า เหตุจี้ร้านทองดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.50 น. วันที่ 18 มิ.ย. มีคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อยืดดำ กางเกงยีนส์ ใช้ปืนเป็นอาวุธบุกเข้าไปชิงทรัพย์ภายในร้านทองบ้วนหลี (ชมพู) ได้ของกลางเป็นทองรูปพรรณ จำนวน 30 เส้น น้ำหนักรวม 60 บาท รวมมูลค่ากว่า 1,800,000 บาท ก่อนหลบหนีไปด้วยรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีดำ-แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับขี่หลบหนีย้อนศรไปทิศทางด้านสะพานพระปกเกล้า (แยกมารยาทดี) มาด้านฝั่งธนบุรี

หลังจากคนร้ายก่อเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิเคราะห์ข้อมูลแผนประทุษร้ายในครั้งนี้ รวมทั้งแกะรอยคนร้ายจากกล้องวงจรปิด กระทั่งสามารถสืบสวนทราบตัว ผู้ก่อเหตุคือนายมนตรี สังข์มี อายุ 34 ปี และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่ทราบว่าคนร้ายรายนี้ได้หลบหนีเข้าไปอยู่ที่บ้านพักใน ซอยเจริญนคร 34 แขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน กทม.

ชุดสืบสวนติดตามไปตรวจสอบ จนเมื่อเวลา 03.40 น. ก็พบนายมนตรีบริเวณปากซอยเจริญนคร 34 จึงจับกุมตัวก่อนนำไปตรวจยึดของกลางที่บ้านพัก ประกอบด้วยทองรูปพรรณ จำนวน 30 เส้น น้ำหนักรวม 60 บาท กระเป๋าสะพายข้างสีดำ จำนวน 1 ใบ รวมมูลค่ากว่า 1,800,000 บาท ชุดที่ใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีดำ-แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และแผ่นป้ายทะเบียน 578 ชัยนาท

พล.ต.ต.นพศิลป์เปิดเผยต่อว่า จากการสอบสวนถามนายมนตรีให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยทำงานเป็นพนักงาน บริษัทจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, สินค้าอุตรสาหกรรม แห่งหนึ่งย่านถนนเจริญนคร บางลำพูล่าง คลองสาน กทม.

วันเกิดเหตุนายมนตรีขับขี่รถจักรยานยนต์ มาจอดไว้บริเวณฝั่งตรงข้ามห้างทอง และเข้าไปก่อเหตุ จากนั้นหลังเกิดเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปจอดซ่อนไว้ในซอยสมเด็จเจ้าพระยา 7 ก่อนจะหลบหนีกลับมาที่บ้านพัก ภายในซอยเจริญนคร 34 จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้

ส่วนสาเหตุที่ลงมือก่อเหตุนั้น เกิดจากความเครียดเรื่องการเงิน และการลงทุนเทรดคริปโตฯ ที่ขาดทุนย่อยยับ แม้จะยังมีเงินเก็บในบัญชี แต่ก็ไม่มาก จึงลงมือก่อเหตุ ส่วนสาเหตุที่เลือกร้านนี้เพราะแค่ขับผ่านแล้วรู้สึกว่าน่าจะก่อเหตุได้ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา “ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์ นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป สำหรับคดีดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบสวนและจับกุมผู้ต้องหาหลังก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 11 ชั่วโมงเท่านั้น

เมื่อโจรมือใหม่มาเจอกับทีมสืบสวนมือฉมัง เสริมทัพด้วยเทคโนโลยียุค 4.0 คดีก็ถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว

สราวุฒิ ศรีเพ็ชรสัย
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน