ยุทธการ “ไล่หนู ตีงูเห่า” คือ ความแจ่มชัด ใน “ยุทธวิธี” ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย

น่าสังเกตว่าเป็นความแจ่มชัดในสถานการณ์ที่มีการแต่งตั้งให้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เข้าไปอยู่ ในตำแหน่ง “ผู้อำนวยการ” ครอบครัวเพื่อไทย

แล้วออก “ปฏิบัติการ” สำนองต่อ “ความ แจ่มชัด” นี้

เมื่อมีความแจ่มชัดจาก “ส่วนกลาง” จึงไม่น่าแปลกใจที่ในพื้นที่ ไม่ว่าจะมองผ่านสุรินทร์ ไม่ว่าจะมองผ่านอุบลราชธานีก็เปี่ยมด้วยความพร้อม

การผนึกตัวรวมพลังกับ “ศรีสะเกษ” จึงอึกทึก ครึกโครม

ความอึกทึกครึกโครมไม่เพียงยืนยันความพร้อมในพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ศรีสะเกษ

ภาพอันปรากฏเมื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และคณะเดินทางถึงท่าเรือบินจังหวัดอุบลราชธานี ย่อมเป็นปราการด่านแรก

ก่อนไปขึ้นเวทีที่อุทุมพรพิสัย ราษีไศล ในกาลต่อมา

ยิ่งเมื่อเห็นการปรากฏตัวของ ส.ส.จากจังหวัดสุรินทร์ ประสานเข้ากับจากจังหวัดอุบลราชธานี แวดล้อมกับส.ส.ศรีสะเกษ ยิ่งเป็นพลัง

สะท้อนและยืนยัน “ความพร้อม” ของกำลังในพื้นที่

ถามว่าเหตุปัจจัยอะไรทำให้บังเกิดความแจ่มชัดจนสามารถกำหนดเป็น “ยุทธวิธี”

ไม่ว่าจะคำตอบจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ไม่ว่าจะคำตอบจาก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ตรงกัน

นั่นก็คือ บทบาทต่อเนื่องของพรรคภูมิใจไทย

เด่นชัดอย่างยิ่งว่า หากพรรคเพื่อไทยปล่อยให้พรรคภูมิใจไทยแย่งชิงจำนวน ส.ส.กว่า 130 ในภาค อีสานไปได้ถึงเลข 60 นั่นหมายถึงหายนะ

ยุทธการ “แลนด์สไลด์” ต้องสะดุด หยุดลง แน่นอน

เมื่อความเป็นจริงจากพรรคภูมิใจไทยชัดเจน ความแจ่มชัดใน “ยุทธวิธี” ก็แจ่มชัด

แจ่มชัดว่าคู่ต่อสู้หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทยคือ พรรคภูมิใจไทย มิใช่พรรคพลังประชารัฐ มิใช่พรรคประชาธิปัตย์ มิใช่พรรคชาติไทยพัฒนา

ยุทธการ “ไล่หนู ตีงูเห่า” จึงปรากฏ และจะดำเนินต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน