บทสรุปของพรรคเศรษฐกิจไทย ในการพ่ายแพ้ เลือกตั้งซ่อมที่ลำปาง แถมเป็นการพ่ายต่อพรรคร่วฝ่ายค้านอีกด้วย จึงนำมาสู่การแสดงท่าทียอมรับว่า เพราะจุดยืนทางการเมืองนั่นเองเป็นเหตุแห่งความปราชัย ทำให้ถูกประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งแสดงการปฏิเสธ

จนกลายเป็นคำประกาศของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ว่า ต่อไปนี้พรรคเศรษฐกิจไทยจะเข้าร่วมกับพรรค ฝ่ายค้านอย่างเต็มตัว

พูดง่ายๆ คือยอมรับว่า ถ้ายังผูกตัวเองอยู่กับรัฐบาล แบบครึ่งๆ กลางๆ อยู่อีก คงไม่มีประชาชน เอาด้วยอีกต่อไป

กระนั้นก็ตาม ยังต้องจับตา การพบปะกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แกนนำรัฐบาลที่ร.อ.ธรรมนัสเคารพเชื่อฟังมาตลอด

จะโดนเกลี้ยกล่อมจนยอมยุติความคิด หรือจะยัง เดินหน้าอำลารัฐบาลต่อไปอย่างไม่แปรเปลี่ยน

แต่ก็นั่นแหละประกาศชัดเจนต่อสาธารณะ ไปขนาดนี้แล้ว ถ้ายังพลิกกลับไปกลับมาก็คงจะยิ่งโดนชาวบ้านปฏิเสธหนักขึ้น!

เชื่อได้ว่า ช่วงเวลาระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ที่ลำปาง ไปจนถึงวันที่ผลคะแนนปรากฏออกมา

สิ่งที่ร.อ.ธรรมนัสและคนของพรรคเศรษฐกิจไทยได้รับรู้ จากการสัมผัสกับชาวบ้าน

คืออารมณ์ความรู้สึกของประชาชน ที่มีต่อผลงาน ของรัฐบาล

ท่ามกลางรายได้ที่หดหายมาหลายปี มากระหน่ำซ้ำ ด้วยวิกฤตน้ำมันแพง และข้าวของแพงไปหมด

แต่ไม่ได้เห็นไอเดียอันแหลมคมที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว แทบมอง ไม่เห็นความหวังใดๆ

เช่นนี้แล้วก็คงสรุปได้ไม่ยากว่า ประชาชนจะรู้สึก เบื่อหน่ายต่อทิศทางการบริหารประเทศชาติขนาดไหน

กระแสประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง กำลังมาแรงเช่นไร

คนกรุงเทพฯ แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. คงไม่ต่างจากคนลำปางแสดงผ่านการ เลือกตั้งซ่อม

หรือกรณีผลโพลที่อยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี

มีอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร มาอันดับ 1 เน้นย้ำ ความต้องการคนรุ่นใหม่มาบริหารประเทศ

ต้องการคนรุ่นใหม่ทันโลก คิดฉับไว ไม่ใช่ลุงๆ นักการทหาร

บทสรุปสำคัญคือ ต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

8 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนได้บทสรุปไปแล้ว

ควรเปลี่ยนแปลงได้แล้ว

ร.อ.ธรรมนัสและพรรคเศรษฐกิจไทยจึงต้องตัดสินใจ!!

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน