เมื่อวันที่ 17 ก.ค. นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรวม 11 คน ระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค. ลงมติวันที่ 23 ก.ค.ว่า คราวนี้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ คาดหวังประเด็นที่จะอภิปรายต้องเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ปากท้อง โดยเฉพาะวิกฤตน้ำมันแพง แต่กลับไม่มีชื่อนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน อยู่ในญัตติของพรรคฝ่ายค้าน น้ำมันแพง เป็นต้นเหตุสินค้าแพง กองทุนน้ำมันที่ทำหน้าที่ช่วยพยุงราคาน้ำมันก็ติดลบ เสียหายกว่าแสนล้านบาทแล้ว ประชาชนเติมน้ำมันที กระเป๋าแทบฉีก เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ประชาชนคาดหวังฟังอภิปราย

พรรคกล้าเคยตั้งข้อสังเกตเรื่องน้ำมันแพง โดยเฉพาะ ค่าการกลั่นที่สูงผิดปกติ ทำให้โรงกลั่นฟันกำไรใน 3 เดือนแรกของปีนี้สูงกว่ากำไรของปีที่แล้วทั้งปี โดยเราเสนอทางแก้ ทั้งการลดและกำหนดเพดานค่าการกลั่น รวมถึงการเก็บภาษีลาภลอย เพื่อนำเงินมาช่วยกองทุนน้ำมันที่ติดลบกว่าแสนล้าน แต่จนบัดนี้กระทรวงพลังงานก็ยังไม่ชัดเจน เดือนก่อนบอกโรงกลั่นจะให้เงิน 24,000 ล้านบาท มาเดือนนี้ยอดลดลงมากและเคลียร์กันไม่ลงตัวเสียที

“พรรคกล้าเคยเสนอให้ออกกฎหมายลาภลอยเหมือนกับที่ประเทศอื่นทำกัน มันจะชัดเจนกับทุกฝ่าย โรงกลั่นเป็นบริษัทมหาชน เขาต้องรับผิดชอบกับผู้ถือหุ้นด้วย ไม่ใช่มาขอบริจาคมากน้อยตามแต่ต่อรองแบบนี้ ทั้งไม่ชัดเจน ไม่โปร่งใส เรื่องสำคัญแบบนี้ แต่ฝ่ายค้านไม่ใส่ชื่อรมว.พลังงานในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผมขอให้ทุกฝ่ายทางการเมืองอย่าปล่อยให้ธุรกิจน้ำมันเป็นแดนสนธยาที่ไม่มีใครกล้าแตะ” นายอรรถวิชช์กล่าว

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย(สอท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ค่าไฟและค่าเงินบาท เป็น 2 เรื่องกระทบปากท้องที่ต้องจับตา หากรัฐบาลไม่เตรียมการรับมือดีๆ อาจติดกับดักระเบิดระลอกใหม่ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน