ชีวิตทุกคนมีค่าเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ประชาชน หรือแม้แต่เหล่าร้าย
ไม่ว่าเป็นใคร ก็คงต้องตกใจกับข่าวหนุ่มที่เพียงแค่หนีหมายจับคดีชำเราเด็กถึงกับต้องถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก
แต่เมื่อเจาะลึกเข้าไปในช่วงเกิดเหตุคงไม่มีใครตำหนิเจ้าหน้าที่ได้เต็มปาก นั่นเป็นเพราะผู้ตายเหิมเกริมถึงขั้นเปิดฉากยิงตำรวจที่ แสดงตัวเพื่อจับกุมก่อน
ผู้พิกษ์สันติราษฎร์จึงจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตัว
นายสาทิต ปทุมสูติ ผู้เสียชีวิต
ย้อนกลับไปช่วงหัวค่ำวันที่ 13 ก.ค.ที่ ผ่านมา เมื่อ ร.ต.อ.วิกรม คงทอง รองสว.(สอบสวน) สภ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรี อยุธยา รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญคนร้ายภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ริมถนนทางหลวงหมายเลข 340 ขาเข้ากรุงเทพฯ ม.5 ต.สามเมือง เมื่อเวลา 21.30 น.
หลังรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นแล้ว จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อม พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.สภ.ลาดบัวหลวง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน อัยการ ปลัดอำเภอ แพทย์ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์ ร.พ.ลาดบัวหลวง และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณลานจอดรถหน้าห้องน้ำภายในปั๊ม พบรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ก 2596 กรุงเทพมหานคร สภาพถูกยิงพรุน มีรอยกระสุนปืนรอบคัน
รถคนร้ายพรุนทั้งคัน
ภายในรถด้านคนขับ พบศพ นายสาทิต ปทุมสูติ อายุ 39 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี สวมเสื้อสีขาวคอกลม กางเกงยีนส์ นอนคว่ำหน้าอยู่บริเวณเกียร์รถ และพบร่องรอยคราบเลือดของผู้เสียชีวิตอยู่บนพื้น และรอยกระสุนปืน
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถเก๋งของผู้เสียชีวิตบริเวณโดยรอบ ที่เกิดเหตุ เก็บปลอกกระสุน หัวกระสุนตามจุดต่างๆ รวม 30 นัด ตามร่างกายผู้เสียชีวิตถูกยิงด้วยอาวุธปืนกว่า 20 นัด
พนักงานภายในปั๊มผู้เห็นเหตุระทึกสดๆ ร้อนๆ ต่อหน้าต่อตา เล่าว่า เวลาประมาณ20.30 น. ผู้ตายขับรถยนต์คันดังกล่าวมาจอดอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำภายในปั๊ม แล้วประมาณ 15 นาทีมีรถตำรวจ 2 คันเข้ามาจอด จากนั้นตำรวจลงจากรถไปแสดงตัว
จู่ๆ คนที่อยู่ในรถเก๋งยิงปืนออกมา 1 นัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึง ยิงสวนกลับเข้าไปภายในรถ จากนั้นก็มีเสียงปืนดังรัวขึ้นราวกับใคร จุดประทัดตับใหญ่
กระทั่งสิ้นเสียงปืน และกลุ่มควันปืนเริ่มจางไป จึงทราบว่าคนที่อยู่ในรถถูกยิงจนสิ้นใจตายคาที่
กระสุนลูกหลง
พ.ต.อ.จักรพันธ์กล่าวว่า เบื้องต้นเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.สุพรรณบุรี ตามหมายจับของ สภ.สระยายโสม ในคดีพรากผู้เยาว์ 2 หมายจับ หลังจากผู้เสียชีวิตขับรถมาจอดบริเวณหน้าห้องน้ำภายในปั๊ม ตำรวจขับตามรถมาแล้วมาจอดก่อนแสดงตัวเข้าจับกุม
แต่ถูกผู้เสียชีวิตใช้ปืนที่พกมายิงสวน ออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องป้องกันตัวและยิงต่อสู้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว
ด้านตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ระบุว่า ผู้ต้องหารายนี้เคยต้องโทษในคดียาเสพติดและอาวุธปืน ก่อนจะถูกวิสามัญฆาตกรรมไปจีบลูกสาวของเพื่อน และล่อลวงไปข่มขืนไปที่บ้านพัก
จากนั้นยังบังคับให้ลูกสาวของเพื่อน ไปพาเพื่อนอีกคนมาที่บ้านพัก แล้วล่อลวงข่มขืน ข่มขู่ไม่ให้บอกใคร
แต่ผู้เสียหายกลัวว่าจะถูกกระทำอีก จึงไปบอกพ่อแม่และเข้าแจ้งความ จนนำไปสู่การออกหมายจับ 2 หมาย ในคดีข่มขืน ทั้งสองคดีเกิดเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อผู้ต้องหารายนี้ทราบว่าถูกออกหมายจับจึงหลบหนีออกนอกพื้นที่ เจ้าหน้าที่พบความเคลื่อนไหวว่าเตรียมกลับเข้ามาในพื้นที่สุพรรณบุรี จึงติดตามจับกุม แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมจึงเกิดการต่อสู้กัน กระทั่งคนร้ายถูกวิสามัญ
สภาพคนร้าย
ต่อมามีชายอายุ 26 ปี ขับรถอเนกประสงค์ อีซูซุป้ายแดง เข้าร้องเรียนกับตำรวจว่า เป็นผู้เสียหายจากลูกหลงเหตุวิสามัญฯ คดีนี้ โดยรถถูกยิงเข้าประตูด้านฝั่งคนนั่งข้างคนขับ หัวกระสุนทะลุคาอยู่ที่ตัวรถด้านใน หากกระสุนทะลุเข้าไปหรือวิถีกระสุนเคลื่อนอีก 6 ซ.ม. ต้องถูกศีรษะคนนั่งมาด้านข้างคนขับอย่างแน่นอน
หนุ่มที่เพิ่งพ้นวัยเบญจเพสมาหมาดๆ เล่าว่า ขับรถกลับจากไปทำบุญที่ จ.นครปฐม มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ พร้อมเพื่อนรวม 3 คน
ช่วงที่ผ่านจุดที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงดังที่ข้างรถ คิดว่าโดนหินหรือมีอะไรกระเด็นมาถูก ไม่กล้าจอดรถ จึงขับรถต่อไป ไปหาที่ปลอดภัยดู พบว่ารถถูกยิง จึงโทร.แจ้งตำรวจ จนทราบว่าเป็นพื้นที่ของ สภ.ลาดบัวหลวง จึงขับรถย้อนกลับมาที่เกิดเหตุ
ตอนแรกไม่ทราบว่ามีการวิสามัญคนร้าย กระทั่งทราบจากชาวบ้านที่มาดูเหตุการณ์ว่ามีการวิสามัญคนร้ายที่อยู่ภายในปั๊ม รู้สึกตกใจมาก และทราบว่ามีการใช้อาวุธปืนยิงหลายนัด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่ากระสุนปืนที่ถูกยิงไม่ทราบว่าเป็นของผู้เสียชีวิต หรือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะต้องผ่าหัวกระสุนออกจากรถไปตรวจสอบ
ตร.ปรับความเข้าใจเจ้าของรถที่ถูกลูกหลง
แม้เรื่องนี้จะเป็นเหตุเหนือความควบคุมของเจ้าหน้าที่ แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติภายใต้การนำทีมของ ‘บิ๊กปั๊ด’ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ไม่ปล่อยให้ชาวบ้านผู้ถูกลูกหลงต้องได้รับความเดือดร้อน
ไม่ว่ากระสุนนัดนั้นจะมาจากฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมือง หรือฝั่งของคนร้าย
สุทธิพร กองสุทธิผล
เรื่อง/ภาพ
