วันที่ 24 ก.ค. นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาว่า ไม่เหนือความคาดหมาย ตนมองว่าแม้ผ่านการอภิปรายไปได้ รัฐบาลมีเวลาบริหารประเทศอีก 8 เดือน ถ้าอยู่ครบเทอม และต้องมีการเลือกตั้งทั่วไปไม่เกินมี.ค. 2566 ทุกพรรคต้องกลับไปขอการสนับสนุนจากประชาชนอีก ถ้าประชาชนมีความสุข ก็อาจเลือกพรรคร่วมรัฐบาลต่อ ถ้าทุกข์หนักก็อาจเลือกพรรคอื่น ดังนั้น ทุกคนมีสิทธิ์กำหนดอนาคตของตนเอง ตนคิดว่าประชาชนรอชี้ขาดในวันเลือกตั้ง

นายนพดลกล่าวว่า ทุกฝ่ายต้องทำให้ผลเลือกตั้งครั้งต่อไป มีความหมายและสะท้อนเจตจำนงของคนไทยส่วนใหญ่ แต่น่าเสียดายที่ตามกฎหมายขณะนี้ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคที่ประชาชนเลือกมากที่สุดอาจไม่ได้ถูกโหวตจากสภา เนื่องจากมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญกำหนดให้ทั้ง ส.ส.และ ส.ว. มีสิทธิ์เท่ากันในการโหวตนายกฯ นี่คือความเท่าเทียมแบบเทียมๆ ใช่หรือไม่ เพราะประชาชนเลือก ส.ส.แต่ไม่ได้เลือก ส.ว. ไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย และทำให้คนตั้งคำถามเรื่องความชอบธรรมในการเข้าสู่อำนาจของนายกฯ คนต่อไปด้วย เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ เป็นหลักการประชาธิปไตย ไม่ใช่ความชอบหรือไม่ชอบตัวบุคคลหรือประโยชน์ของพรรคใด แต่เป็นการเคารพสิทธิ์และเสียงของประชาชน

“ใครที่ต้องการเป็นนายกฯ ต้องพร้อมให้ประชาชนพิจารณาความรู้ความสามารถ และยอมรับในกติกาที่เป็นธรรมและเท่าเทียม ถ้าเป็นเช่นนั้น เงื่อนไขความขัดแย้งจะลดลง เกียรติภูมิของประเทศจะเพิ่มขึ้น บ้านเมืองจะเดินหน้าเร็วขึ้น พรรคเพื่อไทยพร้อมผลักดันการแก้มาตรา 272 ร่วมกันในสภาต่อไป”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน