เอเอฟพีรายงานวันที่ 30 ก.ค. ถึงความคืบหน้าของสถานการณ์ตึงเครียดต่อเนื่องระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน สองชาติมหาอำนาจโลก จากกรณีที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ สังกัดพรรคเดโมแครต พรรครัฐบาล มีแผนเดินทางไปไต้หวันระหว่างทริปเยือนเอเชียในเดือนส.ค.นี้ แม้ยังไม่มีการยืนยันแต่จีนแสดงจุดยืนชัดเจนและเตือนว่าจะมีผลลัพธ์ร้ายแรง

ล่าสุดกองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีน (พีแอลเอ) เดินหน้าซ้อมรบด้วยกระสุนจริงในช่องแคบไต้หวัน นอกชายฝั่งเกาะผิงตัน มณฑลฝูเจี้ยน และห่างจากชายฝั่งไต้หวัน 120 กิโลเมตร ซึ่งตามแถลงการณ์เมื่อ 28 ก.ค.ระบุว่า “กระสุนจริงจะถูกยิงในการซ้อมเวลา 08.00-21.00 น. และการเข้าสู่น่านน้ำดังกล่าวเป็นเรื่องต้องห้าม”

ด้านนายหู สีจิ้น อดีตหัวหน้าบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์ส ที่เคยตกเป็นประเด็นวิจารณ์จากการแสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ โพสต์อีกครั้งว่า “หากเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐคุ้มกันเครื่องบินของนางเพโลซีเข้าไต้หวัน นี่เป็นการบุกรุก กองทัพมีสิทธิ์ในการขับไล่เครื่องบินของนางเพโลซีและเครื่องบินของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการยิงเตือนและยุทธวิธีในการเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวาง หากไม่ได้ผล ดังนั้น ก็ให้ยิงพวกเขาทิ้งซะ” ก่อนหน้านี้เมื่อ 22 ก.ค. นายหูโพสต์ข้อความต่อต้านแผนเยือนไต้หวันของนางเพโลซีโดยแนะนำให้กองทัพจีนสกัด กั้นเครื่องบินของนางเพโลซีมายังกรุงปักกิ่งเพื่อลงโทษ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ควรมีความสามารถในการป้องกันการเดินทางที่ไม่ได้ไตร่ตรองนี้ ถ้าสหรัฐทำไม่ได้ จีนจะขอควบคุมและดำเนินการกับนางเพโลซีเอง

ขณะที่นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า แม้สหรัฐและจีนจะมีความเห็นต่างในประเด็นไต้หวัน แต่กว่า 40 ปีที่ผ่านมาทั้งสองประเทศได้จัดการกับความต่างภายใต้การรักษาสันติภาพและความมั่นคง “เป็นเรื่องสำคัญในฐานะส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบร่วมกัน เราต้องจัดการเรื่องนี้ต่อไปในเส้นทางที่ฉลาด ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง และเปิดกว้างการพูดคุย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน