ซัมซุง ผู้พัฒนาเทคโนโลยีชื่อก้องโลกจากเกาหลีใต้ เปิดตัวสมาร์ตโฟนหน้าจอพับเจเนอเรชั่นที่ 4 กาแล็กซี ซี ฟลิป 4 (Galaxy Z Flip 4) กาแล็กซี ซี โฟลด์ 4 (Galaxy Z Fold4) หูฟังไร้สายกาแล็กซี บัดส์ 2 โปร (Galaxy Buds 2 Pro) พร้อมนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะกาแล็กซี วอตช์ 5 (Galaxy Watch5)

ทั้งหมดมีไฮไลต์หลักเป็นการต่อยอดความทนทานและประสิทธิภาพเปี่ยมด้วยฟีเจอร์อัดแน่นมากที่สุดในปัจจุบัน เอาใจสาวกไลฟ์สไตล์สายพรีเมียม เริ่มเปิดให้สั่งจองได้แล้วตั้งแต่ 10 ส.ค.ถึง 1 ก.ย.นี้ พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย และวางจำหน่ายตั้งแต่ 2 ก.ย.เป็นต้นไป

★ Samsung Galaxy Z Flip 4

กาแล็กซี ฟลิป สมาร์ตโฟนพับได้ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในโลกตอนนี้ หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่ารุ่น ตลับแป้ง มาพร้อมหน้าจอหลัก 6.7 นิ้ว ความละเอียดสูงสุดแบบ FHD+ (2,640 x 1,080 พิกเซล) จอภาพแบบ Dynamic AMOLED 2X พับได้ด้วยเทคโนโลยีจอ Infinity Flex Display รองรับความถี่ 1 ถึง 120 เฮิร์ตซ์ (Hz)

ส่วนอีกจอที่ฝาหลัง (Cover Screen) ขนาด 1.9 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 260 x 512 พิกเซล หากเทียบกับรุ่น Flip 3 จะพบว่าขอบจอบางมากขึ้นในรุ่นใหม่นี้ น้ำหนักเครื่องรวมแบตเตอรี่ 3,700 มิลลิแอมป์ชั่วโมง (mAh) อยู่ที่ 187 กรัม มีเซ็นเซอร์ลายนิ้วมืออยู่ด้านข้างเครื่อง และพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C

ฟลิป 4 ใช้ขุมพลังจากชิพ Snapdragon 8 Plus Gen 1 ซึ่ง SoC รุ่นใหม่ล่าสุดจากทางค่ายควอลคอมม์ สหรัฐอเมริกา สร้างบนสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 4 นาโนเมตร (nm) มีหน่วยความจำแรม (RAM) และพื้นที่เก็บข้อมูล (ROM) ให้เลือกได้ 3 แบบ ได้แก่ 8/128, 8/256 และ 8/512 กิกะไบต์ (GB) โดยแบบหลังสุดสำหรับพรีออร์เดอร์เท่านั้น

ทีมข่าวสดไอทีมองว่า เมื่อพิจารณาแบตฯ ที่เพิ่มขนาดมาเป็น 3,700 จากเดิม 3,300 mAh ในรุ่นฟลิป 3 ควบรวมกับการเปลี่ยนมาใช้ชิพใหม่ น่าจะส่งผลให้ระยะเวลาการใช้งานเพิ่มขึ้นกว่าเดิมได้ชัดเจน

ฟลิป 4 ยังรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบบ Super-Fast Charging ชาร์จจากศูนย์ถึงร้อยละ 50 ได้ภายใน 30 นาทีด้วยชาร์จเจอร์ขนาด 25 วัตต์ (W) ซึ่งเป็นขนาดปกติที่ ซัมซุงเคยแถมมาให้แต่เลิกไปแล้วในปัจจุบัน ทั้งยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบไร้สาย ดังนั้น ระยะเวลาใช้งานและการเติมพลังงานน่าจะดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนโดยรวม แต่หากวัดกันเรื่องชาร์จเร็วแล้วถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ

สมาร์ตโฟนตลับแป้งรุ่นใหม่นี้ผ่านมาตรฐานกันน้ำเข้าแบบ IPX8 กล่าวคือ การทดสอบหย่อนลงในน้ำจืดความลึก 1.5 เมตร เป็นเวลา 30 นาที จึงไม่แนะนำให้นำลงสระว่ายน้ำและไม่กันฝุ่นเข้า เพราะมีเรื่องของข้อพับ โดยทางซัมซุงระบุ ออกแบบมาให้ทนทานมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนอีก

ฟลิป 4 รองรับซิมการ์ดแบบ Nano SIM เพียงซิมเดียวและ eSIM ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 12 และ UI แบบ One UI 4.1.1 รองรับสัญญาณสื่อสาร 5G, LTE, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax และบลูทูธ 5.2 มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ ม่วง (Bora Purple) ดำ (Graphite) ทองกุหลาบ (Pink Gold) และฟ้า (Blue) รวมทั้งเลือกออกแบบสีแต่ละส่วนของเครื่องได้ด้วยตัวเองกับ Bespoke Edition

กล้องถ่ายภาพ สเป๊กเหมือนรุ่นฟลิป 3 ได้แก่ กล้องหลักและกล้องเลนส์อัลตราไวด์ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (MP) เท่ากัน กล้องเซลฟี่ความละเอียด 10 MP รองรับการถ่ายคลิปความละเอียดสูงสุดที่ 4K อีกจุดที่เหมือนเดิมแต่เป็นข่าวดีคือ ราคา โดย Galaxy Z Flip 4 สนนราคาเริ่มต้นที่ 35,900 บาท

★ Samsung Galaxy Z Fold 4

ภาคต่อสุดยอดสมาร์ตโฟนพับที่แปลงร่างเป็นแท็บเล็ตได้ มุ่งตลาดกลุ่มวิถีพรีเมียมที่ต้องการเครื่องมือสื่อสารแบบรองรับการใช้งานที่ยืดหยุ่น

ไฮไลต์โฟลด์ 4 มาในลักษณะเดียวกับฟลิป 4 คือ โครงสร้างที่แข็งแกร่งทนทานมากขึ้น ชิพทรงพลังมากขึ้น ในราคาเดิมเหมือนกับโฟลด์ 3 แต่แถมเรื่องการปรับปรุงซอฟต์แวร์ใหม่ไฉไลกว่าเดิม

โฟลด์ 4 มีหน้าจอหลัก (ด้านในเมื่อกางออกเป็นแท็บเล็ต) ขนาดยักษ์ 7.6 นิ้ว แบบ Dynamic AMOLED 2X Infinity Flex Display ความละเอียด 2,176 x 1,812 พิกเซล (QXGA+) อัตราส่วนภาพ 21.6:18 รองรับความถี่ 1 ถึง 120 Hz

จอภาพด้านนอกเครื่อง (เมื่อพับเก็บ) หรือ Cover Screen ขนาด 6.2 นิ้ว แบบ Dynamic AMOLED 2X ความละเอียด 2,316 x 904 พิกเซล อัตราส่วนภาพ 23.1:9 รองรับความถี่ 48 ถึง 120 Hz มีขอบจอที่บางลงเช่นกันทั้งด้านนอกและด้านใน

เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือที่ด้านข้างของเครื่อง น้ำหนักรวมแบตฯ 263 กรัม ใช้กระจก Gorilla Glass Victus Plus และข้อพับเสริมแกร่งที่ทนทานกว่าเดิม พร้อมมาตรฐานกันน้ำแบบ IPX8 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเขียว (Graygreen) สีดำ (Phantom Black) สีน้ำตาลทรายหรือเบจ (Beige) และสีเอ็กซ์คลูซีฟ เฉพาะสั่งซื้อผ่านร้านค้าออนไลน์ซัมซุงเท่านั้น อย่างสีแดงเบอร์กันดี (Burgundy) ส่วนผู้ใช้ที่ต้องการปากกา สไตลัสสามารถซื้ออุปกรณ์เสริมเป็น Standing Cover with Pen ที่มาพร้อมสีสันแสนประณีตได้

เช่นเดียวกับฟลิป 4 ซัมซุงเปลี่ยนโฟลด์ 4 มาใช้ขุมพลังจากชิพตัวแรงสุดของฟากระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์อย่าง Snapdragon 8 Plus Gen 1 จากค่ายควอลคอมม์ แต่ยังคงขนาดแบตเตอรี่ไว้ที่ 4,400 mAh เท่ากับรุ่นก่อน รองรับ Nano Sim จำนวน 2 ซิม

สำหรับตัวเลือกของ RAM และ ROM มีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ 12/256, 12/512 และ 12/1024 GB หรือ 1 เทร่าไบต์ (TB) เฉพาะสั่งผ่านร้านค้าออนไลน์ของซัมซุงเท่านั้น

ของใหม่อีกอย่างของโฟลด์ 4 เป็นกล้องถ่ายภาพด้านหลังระบบ 3 เลนส์ ได้แก่ เลนส์หลักความละเอียด 50 MP เลนส์ไวด์ความละเอียด 12 MP และเลนส์เทเลโฟโต้ (เลนส์ซูม) ความละเอียด 10 MP สามารถซูมแท้ (ออพติคัล) ได้ 3 เท่า และซูมเทียม (ดิจิตอล) ได้ 30 เท่า ผ่านเทคโนโลยี AI Super Resolution แน่นอนว่าคุณภาพคงต้องรอทดสอบใช้งานจริงจึงจะบอกได้

กล้องเซลฟี่ด้านนอกเครื่อง (พับเก็บ) ความละเอียด 10 MP และที่น่าสนใจที่สุดเป็นกล้องใต้จอภาพความละเอียด 4 MP (เมื่อกางออกเป็นแท็บเล็ต) โดยซัมซุงปรับปรุงจากเดิมให้กล้องสามารถซ่อนตัวอยู่ในจอภาพได้ แนบเนียนมากขึ้น แลกกับคุณภาพของภาพที่ได้ซึ่งลดลงแน่นอน

ซัมซุงยังปรับปรุงซอฟต์แวร์สำหรับ ผู้ชื่นชอบการใช้งานแบบมัลติ-ทาสกิ้งเมื่อกางเป็นแท็บเล็ต โดยให้มีลักษณะคล้ายระบบปฏิบัติการวินโดวส์ที่หลายคนคุ้นเคยคือ เมื่อเปิดแอพพลิเคชั่นแล้วบรรดาแอพฯ อื่นๆ ที่เหลือจะลงไปอยู่ที่ขอบจอด้านล่าง (คล้าย taskbar) ทำให้สามารถเลือกใช้แอพฯ อื่นได้ง่าย ไม่ว่าจะเปิดซ้อน สลับไปมา หรือลากออกมาบนจอเพื่อแบ่งพื้นที่ใช้ไปพร้อมกันกับแอพฯ เดิมที่เปิดไว้ จุดนี้เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ชอบทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน

ส่วนสเป๊กด้านอื่นๆ เหมือนกับฟลิป 4 ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการชาร์จไฟ สัญญาณการสื่อสารที่รองรับ สนนราคาเท่ากันกับรุ่นก่อน เริ่มต้นที่ 59,900 บาทขึ้นไป

★ Galaxy Watch 5/Galaxy Watch 5 Pro

นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะรุ่นใหม่จากซัมซุงได้รับการปรับปรุงใหม่โดยเฉพาะส่วนของเซ็นเซอร์ด้านในที่จะประกบติดกับข้อมือได้เรียบเนียนกว่าเดิม ทำให้สามารถวัดค่าชี้วัดต่างๆ แม่นยำมากขึ้น

ความแตกต่างหลักระหว่างทั้งสองรุ่นอยู่ที่ความทนทาน โดยรุ่นปกติเหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไปเป็นเคสอะลูมิเนียม ขณะที่รุ่นโปรออกแบบมาสำหรับขาลุย เป็นเคสไทเทเนียม

ทั้งสองรุ่นมีให้เลือก 2 ขนาดหน้าจอ 40 และ 44 มิลลิเมตร ใช้กระจกเสริมแกร่ง Sapphire Crystal Glass ปกป้องจอภาพ AMOLED ความละเอียด 396 x 396 และ 450 x 450 พิกเซล ตามลำดับ ภายในใช้ขุมพลังจากชิพ Exyns W920 มี RAM ขนาด 1.5 GB และ ROM ขนาด 16 GB

แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน ได้แก่ 284 และ 410 mAh ในรุ่นปกติ และ 590 mAh ในรุ่นโปร ซึ่งซัมซุงโฆษณาว่าให้ระยะเวลาการใช้งานสูงสุดถึง 50 ชั่วโมงในรุ่นปกติ และ 80 ชั่วโมงในรุ่นโปร!

มีหลายสีให้เลือก อาทิ สีดำ (Graphite) สีน้ำเงิน (Sapphire) สีเงิน (Silver) ในรุ่นปกติจอใหญ่ ส่วนรุ่นปกติจอเล็ก เปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีทองกุหลาบ (Pink Gold) แทน สนนราคาที่ 8,490 บาท ขณะที่ตัวโปร มีสีดำ (Black Titatium) และสีเทา (Gray Titanium) ราคา 13,900 บาท (บลูทูธ) และ 16,900 บาท (LTE)

ทีมข่าวสดไอที
ภาพ – ซัมซุง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน