แม้จะเป็นเครื่องยนต์ Mild Hybrid แถมเป็นบล็อกเล็ก เบนซิน 2.0 ลิตร แต่ดูเหมือนทีมงาน มาเซราติ ประเทศไทย จะมั่นใจในความแรงของเจ้ามาเซราติ เลอวานเต้ ไฮบริด สไตล์ SUV คันใหญ่ยักษ์ อยู่ไม่น้อย

หลังจากเปิดตัวไม่นาน จัดให้ผู้สื่อข่าวได้ทดสอบกันในเส้นทางจ.ปราจีนบุรี-เขาใหญ่ ก่อนเริ่มกิจกรรมทดสอบ มีรถโชว์ให้ดูดีไซน์ภายนอก ภายใน กันเต็มที่

รูปลักษณ์ภายนอก กระจังหน้าขนาดใหญ่ ครีบสีเงินแนวตั้ง โลโก้ ตรีศูล โดดเด่นอยู่ที่กลางกระจังหน้า ส่วนที่ฝากระโปรงหน้าและที่เสา C เปลี่ยนจากรุ่นเครื่องยนต์ปกติที่เป็นสีแดงมาเป็นสีน้ำเงิน เพื่อบ่งบอกว่าเป็นรถยนต์ไฮบริด

ภายในตกแต่งสีแดง ตั้งแต่คอนโซลหน้า แผงประตู และ เบาะนั่ง ให้ความรู้สึกร้อนแรงและหรูหรา เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 12 ทิศทาง ปรับดันหลัง 4 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

พวงมาลัยหุ้มหนังมัลติฟังก์ชัน หน้าจอสัมผัสขนาด 8.4 นิ้ว รองรับแอปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ ระบบปรับอากาศแบบ 4 โซน เย็นรอบคัน

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง คะเนแล้วกระเป๋า เดินทาง หรือถุงกอล์ฟใบใหญ่ ใส่ได้หลายใบ ไปกันกี่คน ไปกันกี่วันก็เพียงพอสบายๆ








Advertisement

พร้อมเริ่มทดสอบ เครื่องยนต์ Mild Hybrid เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร ทำงานผสานกันเพิ่มความแรงในช่วงตีนต้นด้วยระบบไฟฟ้าสายพานขนาด 48 โวลต์ (Belt Starter Generator) ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ คือการบูสเตอร์ด้วยระบบไฟฟ้านั่นเอง

ส่วนตีนปลายมีเทอร์โบลูกใหญ่คอยช่วยสนับสนุน ทำให้ไม่เกิดอาการรอรอบ ส่งผลให้ตัวรถไหลลื่นต่อเนื่อง กำลังสูงสุดอยู่ที่ 330 แรงม้า ที่ 5,750 รอบต่อนาที ขณะที่แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 2,250 รอบต่อนาที

เสียงคำรามจากปลายท่อไอเสีย ‘Maserati Signature Sound’ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแทรกเข้ามาในห้องโดยสารในทันทีที่กดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์

จังหวะออกตัวทักทายด้วยการกดคันเร่งหนักหน่อย หลังติดเบาะแบบไม่ต้องสงสัย ขับบนถนนเส้นปราจีน-เขาใหญ่ เป็นแบบสองเลนสวนและมีโค้งต่อเนื่อง

เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดได้อย่างไหลลื่น ชู้ตส่งกำลังเมื่อต้องการเร่งแซงได้อย่างทันใจไม่ต้องลุ้นไม่ต้องรอ

ช่วงล่างแบบถุงลม ปรับได้ 5 ระดับ ให้ความรู้สึกนุ่มนวลชวนฝัน แต่ยังยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นใจ เพราะตัวรถจะปรับความสูงให้เหมาะสมกับการขับขี่ ไม่ว่าจะสปอร์ต หรือออฟโรด

พวงมาลัยที่คมกริบ ควบคุมทิศทางรถ ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะทางตรงยาว ทางโค้ง หรือแม้แต่การเปลี่ยนเลนบนย่านความเร็วสูง

แต่ถ้าต้องการเลือกเองก็สามารถทำได้ด้วยการเลือกโหมดการขับที่บริเวณคอนโซลกลาง เลือกสปอร์ต ความสูงของตัวรถ ปรับลง 20 ม.ม. เลือกสปอร์ต 2 ความสูงปรับลงอีก 15 ม.ม. รวมเป็นทั้งหมด 35 ม.ม.

ไหนๆ เป็นรถ SUV ทั้งทีจะไม่ให้ลุยก็ดูกระไรอยู่ ทีมงานมา เซราติ ประเทศไทย เลยจัดให้เบาๆ กับเส้นทางชาวบ้านวิ่งเข้าไปสู่อ่างเก็บน้ำหนองไม้ปล้อง

ช่วงแรกเป็นทางลูกรัง ไม่ได้มีอะไรน่าหวาดหวั่น แถมยังทำความเร็วได้ด้วยซ้ำ ด้วยช่วงล่างที่มั่นใจได้ มาถึงจุดที่ต้องปีนป่ายก้อนหินใหญ่น้อย มีร่องหลุมบ่อเป็นระยะๆ

จอดรถแล้วปรับเพิ่มความสูงจากปกติ สเต็ปแรกสูงขึ้น 25 ม.ม. หากดูแล้วยังไม่มั่นใจปรับได้อีกสเต็ป 15 ม.ม. ทำให้รวมกันทั้งหมดเป็น 40 ม.ม.

เพิ่มความมั่นใจในการปีนป่าย หลบหลีกอุปสรรคบนถนนแบบออฟโรดได้เป็นอย่างดี และไม่ต้องเป็นกังวลว่าระบบจะค้างอยู่บนความสูงนั้นหากลืมปลดออก เพราะระบบจะจัดการให้เสร็จสรรพตามความเหมาะสมในเวลานั้นๆ

เห็นหน้าตาและการตกแต่งสปอร์ตหรูหราที่มาพร้อมกับสมรรถนะ เพียงพอกับการเดินทางในทุกเส้นทางแบบนี้ ราคาค่าตัว มาเซราติ เลอวานเต้ ไฮบริด คันนี้เริ่มต้นที่ 7.99 ล้านบาท

แฟนพันธุ์แท้รถยนต์สไตล์อิตาเลียนแวะไปสัมผัสพร้อมทดลองขับได้ที่โชว์รูม มาเซราติ ประเทศไทย โครงการเอ-สแควร์ ซ.สุขุมวิท 26

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน