‘แซมมี่’ปล่อยของ‘สายรุ้ง’15ปีวงการขึ้นไม่สุด-ก้าวทีละขั้น

อาทิตย์ใส

ร่วมงานกับช่องวัน 31 ครั้งแรกกับละครเรื่อง “สายรุ้ง” ในบท ‘เมทินี’ ที่เป็นโรคแอลกอฮอลิซึมและซึมเศร้า สำหรับนางเอกสาว แซมมี่ เคาวเวลล์

โดยเจ้าตัวเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทที่ท้าทาย พร้อมอัพเดตชีวิตการทำงานหลังเป็นนักแสดงอิสระ รวมถึงเรื่องราวความรัก

คาแร็กเตอร์ เมทินี ในละคร สายรุ้ง เวอร์ชั่น 2022 เป็นอย่างไร?
แซมมี่ – “เมทินี มีอาชีพเป็นดารา บทนี้แอบใกล้เคียงชีวิตจริง มีความแซ่บ แต่งตัวยั่วๆ ภายนอกแข็งแกร่งมากเพราะเป็นเสาหลักดูแลครอบครัว ตาต่อตาฟันต่อฟัน กล้าได้กล้าเสีย แต่สิ่งที่ไกลตัวคือนางเอกในเรื่องติดเหล้า เป็นโรคซึมเศร้า โตมาโดยมีหลุมในใจตลอด 20 ปี ซึ่งการศึกษาพฤติกรรมคนติดเหล้า ตอนแรกก็คิดอยู่เพราะคนรอบตัวไม่มีใครเป็น แต่ก็ได้เวิร์กช็อป ครูมีแบบฝึกหัดที่ทำให้เราพอเข้าใจฟีล เหมือนเขาให้จินตนาการว่าเส้นเลือดในตัวมันร้อนและวิ่งไปทั่วร่างกาย คือพอมันร้อนแล้วมันทำอะไรไม่ได้ อันนี้ก็คือจำลองทางกายภาพให้เราเข้าใจ แต่พอเล่นจริงๆ เลเวลมันยังไม่ขนาดนั้น ถือเป็นความท้าทายเพราะเป็นครั้งแรกที่ต้องเล่นเป็นคนติดเหล้าและเป็นโรคซึมศร้า แต่สนุกดีตอนที่ได้อ่านบท ไม่ว่าจะเข้าฉากกับแม่หรือพระเอก มันสาแก่ใจมาก”

ได้ปล่อยของเยอะ?
แซมมี่ – “เรียกว่าได้ปลดปล่อยเยอะ บางทีเราคิดว่าวันนี้ร้องไห้มาทั้งวันไม่น่าจะไหวแล้ว แต่เราจะรู้ลิมิตตัวเองว่ามันมีเฮือกสุดท้าย ยังมาได้อีก ตรงนี้เหมือนได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ ในร่างกายตัวเองด้วยค่ะ ถือว่าหนักสุดตั้งแต่เล่นละครมา”

นักแสดงคับคั่งมาก ร่วมงานด้วยเป็นยังไงบ้าง?
แซมมี่ – “คนแรก พี่ป้อง ณวัฒน์ จะมีคนเตือนว่าให้ระวังๆ แต่พี่ป้องตัวจริงน่ารัก รู้สึกคุ้นเคยตั้งแต่เวิร์กช็อป แล้วความเป็นพี่ป้องจะเจ๊าะแจ๊ะชวนคุยนั่นนี่ แต่ชวนคุยกับทุกคนนะคะ ไม่ใช่แค่เราคนเดียว เรียกว่าละลายพฤติกรรม ละลายจนเป็นน้ำเลยค่ะ (หัวเราะ) ถามว่าพี่ป้องมีมากะลิ้มกะเหลี่ยบ้างไหม ตามประสาแหละ คือไม่รู้ว่าทีเล่นทีจริงบ้างหรือเปล่า แต่การมีพี่ป้องอยู่กองจะสนุกมาก”

“คนต่อมา พี่บุ๋ม ตรีรัก เล่นเป็นคุณแม่ รู้สึกคอนเน็กต์ตั้งแต่ครั้งแรกที่เวิร์กช็อป พี่บุ๋มเป็นคนมีพลังความเป็นนักแสดงถึงแม้จะหายไป 20 กว่าปี แต่เขามีความตั้งใจมาก เชื่อว่าเขาต้องคัมแบ๊กแน่นอนเรื่องนี้”

“อีกคน พี่ปิ๊บ รวิชญ์ กลับมาหลังจากไม่ได้เล่นละครหลายปีมาก พี่ปิ๊บเป็นอีกคนที่เกินคาด ไม่เคยเจอตัวจริงพี่เขาเลย ลุกส์เงียบๆ นิ่งๆ คูลๆ แต่ตัวจริงเป็นคนตลกมีความโบ๊ะบ๊ะเหมือนกัน น่ารักดีค่ะ จากตอนแรกที่เกร็ง จำได้ว่าตอนไปเวิร์กช็อปกับพี่ปิ๊บวันแรก ตื่นเต้นมากกว่ากับพี่ป้องอีกค่ะ ความที่เรายังพอรู้ว่าพี่ป้องจะเล่นๆ แต่พี่ปิ๊บนี่เดาทางไม่ถูก แต่พอได้เจอ โอ้โห! ชวนคุยไม่หยุดเหมือนกัน (หัวเราะ)”

เลิฟซีนในเรื่องเยอะไหม?
แซมมี่ – “ตั้งแต่เปิดเรื่องมาจนกลางเรื่อง พระเอกกับนางเอกตอนโตคือด่ากันตลอด จนมาจุดคลี่คลายก็จะมีเลิฟซีน แต่ไม่เผ็ดร้อน มีความละมุนละไม อ่อนโยน คนดูน่าจะชอบ”

พี่ป้องขึ้นชื่อเป็นเจ้าพ่อเลิฟซีน ตอนเข้าฉากเกร็งไหม?
แซมมี่ – “แปลกมากที่เราไม่เขินเลย หมายถึงกับพี่ป้องนะคะ กับคนอื่นยังมีเกร็งบ้าง ไม่รู้ทำไม หรือเพราะเรารู้สึกอินกับตัวละครนี้ด้วยมั้ง มองพี่ป้องเป็นพี่ภาคย์ที่เรารอเขาจริงๆ เลยไม่ได้คิดว่าจะต้องเล่น ยังไง ปล่อยให้ไหลลื่น รับความรู้สึกและสัมผัสจากเขา อีกอย่างอาจเพราะพี่ป้องมีความถนัดในเรื่องนี้ เขาเล่นละครมาเยอะ แทบทุกเรื่องต้องมีเลิฟซีนไง เขาก็เลยช่วยเราได้เยอะ”

คาดหวังกับเคมีใหม่แค่ไหน?
แซมมี่ – “จริงๆ เคยเจอพี่ป้องน่าจะเกิน 10 กว่าปี เคยไปถ่ายแบบกันที่ประเทศจีน ตอนนั้นเราเพิ่งเริ่มเล่นละครใหม่ๆ ความที่เป็นเด็กก็ไม่กล้าคุยกับใคร หลังจากนั้นก็ไม่เจอกันเลยจนมาละครเรื่องนี้ ถือว่าดีนะคะที่ผู้ชมจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ เห็นคู่ใหม่ที่มาเจอกัน แต่ก็ต้องปรบมือให้พี่ป้องนะคะที่ไม่มีใครล้มเขาได้ จากที่เราเป็นเด็กจนตอนนี้โตแล้ว แล้วได้มาเล่นคู่กัน พี่ป้องก็ยังเป็นพระเอกอยู่เลย ยอมรับว่าพี่ป้องเป็นคนที่ดูแลตัวเองดี เหมือนได้กลับมาสวัสดีญาติผู้ใหญ่ (หัวเราะ)”

แฮปปี้กับการเป็นนักแสดงอิสระ?
แซมมี่ – “แฮปปี้ค่ะ เพราะได้มีเวลาให้ตัวเอง ได้ทำอะไรใหม่ๆ เจอคนใหม่ๆ ทำให้ได้พัฒนาตัวเอง จากเมื่อก่อนไม่ค่อยพูด เงียบๆ ไม่กล้าเล่น แต่พอเป็นนักแสดงอิสระ รู้สึกว่าจุดนี้ทำให้เราเปลี่ยนไป พอร่วมงานกับคนใหม่ๆ มันไม่มีเวลาให้ปรับตัวเยอะ อย่างถ้ายังอยู่ที่เดิมเราก็จะเจอคนที่คุ้นเคย ไม่ต้องปรับตัวมาก แต่พอออกมาที่ใหม่ ถ้าไปเสียเวลามัวแต่เขินอายหรือมีกำแพง แบบนั้นจะไม่ส่งผลดีกับงานสักเท่าไหร่”

15 ปีในวงการ พอใจมากน้อยแค่ไหน?
แซมมี่ – “เกินคาด ไม่คิดว่าจะอยู่เกิน 10 ปีด้วยซ้ำ จากตอนแรกตั้งแต่ประกวดและเซ็นสัญญาเล่นละครเรื่องแรก ตอนนั้นมองว่า 10 ปีข้างหน้าในอนาคตมันนานและไกลมาก แต่นี่เหมือนกะพริบตา 2 ทีแล้วแบบ 10 ปีแล้วเหรอ แล้วก็จากที่ไม่ชอบกลายเป็นเรารักและสนุก พอสนุกเวลาก็เลยผ่านไปเร็วค่ะ”

บางคนมองว่าแซมมี่เหมือนจะขึ้นก็ขึ้นไม่สุดสักที?
แซมมี่ – “ไม่เถียงค่ะ แต่เราก็ไม่ได้เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับ คนอื่นแล้วทำให้กดตัวเองลง แต่เรียกว่าให้กำลังใจตัวเองแล้วกัน ผลักดันตัวเองด้วยการที่แบบไม่เป็นไร เราไปทีละขั้นทีละก้าว แต่เราเหยียบเต็มเท้า เรามั่นคงแล้วค่อยๆ คิด ค่อยๆ เดิน โชคดีที่มีคนรอบข้างดี ผู้จัดการ พี่ๆ ในบ้านเดียวกัน ทุกคนพร้อมให้คำปรึกษา เราเลยรู้สึกว่าจังหวะเวลาชีวิตแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนดังเปรี้ยงปร้างในเรื่องเดียวข้ามคืน แต่เราไม่ใช่แบบนั้น แต่ไม่เป็นไร เพราะการที่เราไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างทันที ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีโอกาสโตในอาชีพนั้นๆ”

วางตัวเองในวงการต่อไปยังไงบ้าง?
แซมมี่ – “ถ้าถามตอนนี้ก็ยังเอ็นจอยอยู่ ยังชอบ ต่อให้ทำงานมา 14-15 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีอะไรให้เรียนรู้ตลอด เรายังอยากเรียนรู้ตรงนี้ ต่อไป แล้วถ้ามีโอกาสก็อยากไปเรียนรู้งาน เบื้องหลังหรือธุรกิจใดๆ ที่ไม่เกี่ยวกับงานในวงการบันเทิงเลยก็เป็นไปได้ หรือบั้นปลายชีวิตอาจจะไปอยู่ต่างจังหวัดก็ได้”

ตัวตนของแซมมี่จริงๆ เป็นคนยังไง?
แซมมี่ – “เอาจริงๆ ขี้อาย ไม่ค่อยกล้าแสดงความคิดเห็นต่อหน้าผู้คนเยอะๆ ถ้าไม่ใช่ที่ที่รู้สึกว่าเป็น เซฟโซนเราค่อนข้างจะคีพลุกส์ คนเลยอาจจะมองว่าเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อย แต่ก็จะมีบางคนที่มองว่าเราเปรี้ยวแซ่บ ดีใจนะที่คนมองเราในหลายๆ มุม”

อัพเดตเรื่องหัวใจบ้าง?
แซมมี่ – “ตอนนี้โสดสนิทค่ะ คนที่เคยมี ข่าวด้วยก่อนหน้านี้จบไปสักพักแล้ว พอเราได้เรียนรู้กับคนคนหนึ่งไปเรื่อยๆ คำตอบสุดท้ายของจุดหมายปลายทางอาจไม่จบตรงที่แต่งงานอยู่ด้วยกัน มันอาจจะเป็นเพื่อนที่ดี คนหนึ่ง ซึ่งมันเป็นแบบนี้ต่อไปดีกว่า ก็จบกันด้วยดี คุยกันเข้าใจ จริงๆ ทุกวันนี้ยังมีคุยกันบ้างในฐานะเพื่อน ก็ยังเป็นคนที่หวังดีต่อกัน”

เปิดรับคนใหม่หรือยัง?
แซมมี่ – “เรื่องนี้มันบังคับไม่ได้หรอก อาจจะยังไม่ถึงเวลา แล้วมันเลยช่วงปั๊ปปี้เลิฟ ช่วงรักเอยเตยหอมไปแล้ว ตอนนี้อยู่ในจุดที่เราอยากคิดวางแผนอนาคตชีวิตเรามากกว่าโดยที่ยังไม่ได้มีเรื่องครอบครัวเข้ามาเกี่ยว อีกอย่างเราไม่ได้มองเรื่องความรักเป็นข้อแรกมาตั้งนานแล้ว บวกกับพอยิ่งโตขึ้น ก็จะใช้สมองมากกว่าหัวใจ ถ้าเกิดว่ามีแล้วเราแฮปปี้มันก็สดชื่นแหละ แต่ถ้าไม่มีเราก็อยู่ได้”

เคยคิดไปไกลถึงขั้นอยากแต่งงานไหม?
แซมมี่ – “เคยคิดอยากแต่งงานและมี ลูกตอนอายุไม่เกิน 30 ซึ่งมันเลยจุดนั้นมา หมดแล้ว แต่แม่ก็บอกให้ไปฝากไข่ไว้ อาจจะต้องหาข้อมูลเผื่อไว้ เพราะตั้งแต่คุณพ่อเสีย ก็อยากมีลูก ไม่อยากโตมาแก่ไปแล้วอยู่คนเดียว บวกกับนามสกุลทางพ่อเหลือแค่เราแล้ว เลยไม่อยากให้นามสกุลนี้หายไป”

สเป๊กหนุ่ม?
แซมมี่ – “พอโตขึ้นจะรู้สึกว่าการที่จะใช้ชีวิตกับใครสักคนหนึ่งได้นานๆ เรื่องไลฟ์สไตล์น่าจะต้องใกล้เคียงกัน แล้วก็รักและให้เกียรติครอบครัวเรา เราเป็นครอบครัวธรรมดาที่เริ่มจากศูนย์ คนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเรา ก็อยากให้เขารักความเป็นเราและความเป็นครอบครัวเราตรงนี้ค่ะ”

มุมมองความรักในวัย 30?
แซมมี่ – “เชื่อว่าไลฟ์สไตล์ที่ใกล้เคียงกันสำคัญ การเข้าไปอยู่ในสังคมใหม่ๆ อาจจะทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวเองไป ฉะนั้นการที่เราเป็นตัวของตัวเองคือดีที่สุด แล้วถ้าเกิดเจอคนที่จะทำให้เราเป็นตัวเองได้ และเป็นคนที่ดีขึ้นไปพร้อมๆ กันมันก็จะดีมากค่ะ”

จิรณัฏฐ์ จงประสพมงคล

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน