‘มาริโอ’แง้มเคล็ดลับความสำเร็จยึดถือคำสอน‘หม่อมน้อย’

อาทิตย์ใส

นักแสดงมากฝีมือ ‘โอ้’ มาริโอ้ เมาเร่อ รับบทท้าฝีมือกับตัวละคร ‘คำรณ สิงหะ’ ผู้กำกับฯ เจ้าอารมณ์ ในภาพยนตร์ “Six Characters มายาพิศวง” ผลงานการกำกับการแสดงของผู้กำกับฯ ชั้นครู ‘หม่อมน้อย’ ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล ที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา

โดยเจ้าตัวเปิดใจถึงบทบาทที่ได้รับในภาพยนตร์ดังกล่าว รวมถึงการกลับมาร่วมงานกับหม่อมน้อยซึ่งถือเป็นบรมครูที่สั่งสอนวิชาการแสดงให้ตั้งแต่อายุ 16 ปี

พอรู้ว่าต้องเล่นเป็น คำรณ ผู้กำกับการแสดง เราเตรียมตัวทำการบ้านอย่างไร?
มาริโอ้ – “จริงๆ คาแร็กเตอร์คำรณเป็น เด็กนอก เรียนจบเมืองนอก ที่บ้านเป็นเจ้าของ โรงถ่าย เป็นหนุ่มไฟแรงหน้าตาดี เป็นผู้กำกับฯ เขากลับมาดูแลธุรกิจที่บ้าน ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นในโรงถ่าย เขากำลังถ่ายทำภาพยนตร์อยู่ แต่มันมี 6 คนที่เข้ามาแล้วทำให้การถ่ายทำต้องหยุด และก็เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น”

“ตอนรู้ว่าต้องเล่นบทนี้ก็ตื่นเต้นกังวล เพราะเป็นตัวละครที่โฮลด์เรื่องทั้งเรื่องและเป็นเหมือนศูนย์กลางของเรื่องนี้ บทนี้ท้าทายมากเพราะเราเป็นนักแสดง ไม่คิดว่าต้องมาเล่นเป็นผู้กำกับฯ เราเห็นผู้กำกับฯ ทุกคนเป็นอาจารย์ของเรา อย่างหม่อมน้อยเป็นอาจารย์ ก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งต้องมานั่งดูอาจารย์เราว่า เขาทำงานยังไง ก็พยายามสังเกตจากหม่อม สังเกตจากผู้กำกับฯ คนอื่นๆ การซ้อม ค่อนข้างเข้มข้น ทำให้ละเอียดกับคาแร็กเตอร์ตัวนี้มากขึ้นเยอะเลย”

เรื่องนี้เข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิมจากที่เราเล่นเรื่องก่อนๆ ยังไง?
มาริโอ้ – “เรื่องนี้จะเข้มข้นเป็นพิเศษ เพราะเราผ่านช่วงสถานการณ์โควิด ต้องซ้อมและเล่นอยู่ที่บ้านผ่านซูม อาทิตย์ละ 3-4 วัน ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต ก็แปลกดี รู้สึกมันดีด้วยนะ ไม่เคยคิดว่าเล่นผ่านซูม จะถ่ายทอดอารมณ์กันได้ กลายเป็นการเล่นผ่านซูมทำให้เห็นรายละเอียดขึ้นด้วย เพราะเวลาเราดูซูมใครพูดเสียงคนนั้นก็จะเด่นขึ้นมา กล้องจะตัดไปที่หน้าเขา ทำให้เราเห็นรีแอ๊กของแต่ละคน บางทีเห็นได้พร้อมหลายๆ คนด้วย ซึ่งของจริงจะเห็นทีละคน”

หม่อมบอกให้ปรับพัฒนาตัวเองยังไงให้เข้ากับบทบาทนี้?
มาริโอ้ – “หลายอย่าง ทั้งบีตส์ในการแสดง เพราะ Six Characters บีตส์มันเกิดขึ้นเร็ว หม่อมไม่อยากให้บีตส์มันตก ใช้พลังตลอดครับ แล้วบทก็ยาวมาก แต่ด้วยความเป็นหม่อมน้อยทำให้ทุกคนมีบทเข้าไปอยู่ในเลือด ไม่ต้องพูดไม่ต้องคิดแล้ว ซึ่งบทมันยาวมันก็ต้องเป๊ะมากๆ และเรื่องบล็อกกิ้งด้วย ก็เลยซ้อมเยอะ แต่ยิ่งซ้อมเยอะก็ยิ่งทำให้เรา เพอร์เฟ็กต์ ศิษย์หม่อมทุกคนเต็มที่ จำได้ว่าซ้อมจนบางทีกลับบ้านไปผมยังพูดบทอยู่ในหัวอยู่เลยเพราะเราพูดกันทั้งวัน มันเหมือนเราอยู่กับมันเยอะ แล้วพอใครพูดอะไรที่เป็นบทมาเหมือนเราต่อได้เลย เพราะเราซ้อมกันมาเป็นปีๆ”

“อย่างผมซ้อมกับหม่อมทุกครั้ง หม่อมจะถามว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง รู้สึกยังไง มีอะไรใหม่บ้างไหม ซึ่งเป็นเรื่องปกติ หม่อมสอนผมมาตั้งแต่เข้าวงการว่าการซ้อมสำคัญมากๆ ซึ่งหม่อมไม่เคยทิ้งตรงนี้ ทำให้ผมละเอียดกับตัวละครมากขึ้น”

ได้เรียนรู้อะไรจากมุมมองความคิดของตัวละครนี้?
มาริโอ้ – “ผมว่าหลักๆ ทำให้รักงานที่เราทำมากขึ้น ถ้าเรารักในสิ่งที่ทำมันก็จะพาเราไปอีกขั้นหนึ่ง ก็อยากให้ทุกคนได้ดู เพราะเรื่องนี้เป็นบทที่หม่อมและทีมงานทุกคนตั้งใจมากๆ เป็นบทชั้นครู ไม่เคยมีใครกล้ายกขึ้นมาทำ มีหม่อมคนเดียวที่ยกขึ้นมาทำ หม่อมตั้งใจกับเรื่องนี้มากๆ มันกลมกล่อม ต่อให้เป็นบทที่แต่งมาเป็นร้อยปีแล้วแต่มันอัพเดตมากๆ และยังสอนข้อคิดอะไรหลายๆ อย่างให้กับคนที่อยู่ในวงการอีกเยอะเลย”

ละคร “คือเธอ” จบไปแล้ว ฟีดแบ็กแรงมาก?
มาริโอ้ – “ดีใจครับที่ คนชอบ เราถ่ายกันติด ช่วงโควิดอยู่เป็นปีๆ ถ่ายกันหลายโลเกชั่น ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ท้าทาย เพราะระยะเวลาของตัวละคร มันยาว เล่นตั้งแต่เด็กยันโต เปลี่ยนลุกส์เยอะมาก สนุกดีครับ”

หลังจากนี้มี ผลงานอะไรมาฝากแฟนๆ อีก?
มาริโอ้ – “นอกจาก Six Characters มายาพิศวง แล้ว ก็มีละคร หมอหลวง เพิ่งถ่ายเสร็จไป และมีหนังขุนพันธ์ 3 เห็นหน้ากันยาวๆ อย่าเพิ่งเบื่อครับ”

พอเติบโตในวงการ ในวัยนี้มีวิธีเลือกรับบทอย่างไร?
มาริโอ้ – “ผมดูบทที่รู้สึกท้าทายที่เราไม่เคยรับมาก่อน หรืออะไรที่เราอ่านแล้วเชื่อว่าจะถ่ายทอดออกมาได้ เพราะบางอันอ่านไปเราไม่รู้ว่าจะถ่ายทอดยังไง จะขอไม่รับ เพราะเราไม่มั่นใจในสิ่งที่เราอ่านไปหรือเราไม่เชื่อ ไม่ใช่ว่าบทเขาไม่ดี แต่เรารู้สึกว่าเราถ่ายทอดยากจัง”

ยังมีบทไหนที่รู้สึกท้าทายยังไม่เคยเล่น แล้วอยากเล่น?
มาริโอ้ – “บางทีก็อยากเล่นตัวร้ายเหมือนกันนะ แต่ยังไม่มีบทแบบนั้นมาให้ ก็อยากท้าทายตัวเองครับ”

อยู่ในวงการมาตั้งแต่เด็ก มีจุดเหนื่อย อิ่มตัวบ้างไหม?
มาริโอ้ – “ก็มีนะ แต่พอเราได้บทอะไรใหม่ๆ ที่ท้าทาย มันก็เหมือนจุดประกายเราอีกครั้งให้เราได้ทำอะไรอีก เพราะผมมองว่างานในวงการมันไม่น่าเบื่อ มันไม่ซ้ำ เหมือนเราได้เปลี่ยนตัวตลอด”

เราเองมองความสำเร็จในวงการเป็นแบบไหน บางคนอยากเป็นซูเปอร์สตาร์ บางคนอยากได้รางวัลการันตี?
มาริโอ้ – “ผมไม่ได้มองที่รางวัล รางวัลเป็นเครื่องการันตีอยู่แล้วล่ะ แต่จะไปวัดที่รางวัลอย่างเดียวไม่ได้ สำหรับโอ้รางวัลของการเป็นนักแสดงที่ดี คือคนดู ต่อให้ไม่ได้รางวัลเลยก็ได้ แต่มีคนบอกผมว่าชอบเรื่องที่โอ้เล่น ติดมากเลย ดูทุกวันมีความสุขมาก อันนี้คือรางวัลของโอ้ที่รู้สึกว่านี่แหละที่เราทำมา สิ่งที่เราทำมันเอฟเฟ็กต์กับคน ที่เราอยากให้ไปถึงแล้ว ไปถึงจริงๆ เขาชอบเขาติดตาม แค่นี้ผมพอใจแล้ว ผมได้เป็นนักแสดง ที่ดี อย่างน้อยทำให้เขาหัวเราะ ร้องไห้อะไรได้ก็ยังดี”

เคยคิดภาพตอนตัวเองเกษียณไว้ไหม ไม่ได้เป็นนักแสดงแล้วจะทำอะไร?
มาริโอ้ – “ตอนแก่ไม่มีคนจ้างแล้วใช่ไหม (ยิ้ม) ก็มีคิดนะ อยากทำอะไรที่เราชอบ ชอบรถโบราณรถเก่า อยากจัดงานรถ จัดคาเฟ่รวมรถโบราณ มีความสุขกับตรงนั้น อาจจะเป็นทริปทำบุญ จัดรถโฟล์กออกไปทำบุญกัน ได้ขับรถเก่าด้วย ได้ทำบุญด้วย ได้ไปเที่ยวด้วย ก็อยากทำตั้งแต่ตอนนี้เลย บ้านเรารถสวยๆ เยอะ แต่ไม่ค่อยมีงานรวม”

เคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้อยู่วงการได้นาน มีหลักคิดอะไรที่ยึดไว้?
มาริโอ้ – “หม่อมน้อยอาจารย์ผมสอนผมตั้งแต่ผมเริ่มมาเรียนรู้การเป็นนักแสดง หม่อมบอกว่าถ้าเราเห็นว่าศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนก็จะเห็นว่าศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราเห็นว่าไม่ศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์เลยที่เราทำกันอยู่ หมายถึงงานในวงการ การเป็นนักแสดง การเคารพงาน การที่เราเป็นนักแสดงที่ดีต้องเคารพในคาแร็กเตอร์ในบทบาทที่เราได้รับแล้วซื่อสัตย์กับมัน หม่อมจะสอนเสมอว่าถ้าเราเชื่อ คนดูก็จะเชื่อ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราไม่เชื่อจะไม่มีใครเชื่อเราเลย มันเป็นความรักในการแสดง หม่อมสอนตลอด ผมไม่เคยลืม ผมไม่เคยมองว่าการแสดงของผมมัน ไม่มีค่า ผมรู้สึกว่ามีค่ามาก ทรงคุณค่ากับผมมาก”

“หม่อมบอกผมเสมอว่าแค่เราทำให้คนดูหัวเราะหรือ คิดตามตัวละคร ได้อะไรจากตัวละครที่เราทำ แค่นี้ก็ประสบความสำเร็จแล้ว แล้วได้บุญด้วย เพราะเราทำให้เขาหัวเราะ บางทีเขาอาจจะเครียดแต่เขาดูหนังเราเขาได้หัวเราะ ได้ใช้ความคิด นั่นคือความสำเร็จของการเป็นนักแสดงแล้ว แสดงว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราได้เต็มที่แล้วครับ”

ความรักกับจันจิ นับวันยิ่งหวาน?
มาริโอ้ – “8 ปีแล้วครับ เขาเป็นคนง่ายๆ สบายๆ เป็นคนลุยๆ ก็เลยเข้ากันคุยกันได้ง่าย”

มีการบาลานซ์เรื่องงาน เรื่องแฟน เรื่องส่วนตัวยังไง?
มาริโอ้ – “จริงๆ ผมไม่ได้บาลานซ์อะไรขนาดนั้น ก็แค่ไม่ได้ปิด ปกติอยู่แล้ว ผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติก็เลยไม่ได้ปิด แต่ไม่ใช่คนที่อัพเดตลงตลอด”

คู่เราสวีตแค่ไหน เวลาอยู่ด้วยกันมีคุยเสียงสองเสียงสามไหม?
มาริโอ้ – “มีบ้างครับ ก็เหมือนคู่อื่น เราทั้งคู่ต่างอ้อนพอๆ กัน พูดอะไรไปเนี่ย (ยิ้ม) ซึ่งเราไม่ได้เป็นคนอยากจะโพสต์อะไร ไม่ได้เป็นคนชอบโพสต์รูปคู่ จะเป็นโอกาสสำคัญมีลงนิดหน่อย”

นิยามความรักของมาริโอ้ในวัยนี้?
มาริโอ้ – “ผมว่ามันก็เป็นสิ่งที่คนเราขาดไม่ได้ เหมือนเป็นพลังอย่างหนึ่งในชีวิต ความรักช่วยให้เรามีกำลังใจ”

คบกันมานาน มองถึงอนาคตชีวิตคู่แต่งงานเป็นครอบครัว มีคิดบ้างหรือยัง?
มาริโอ้ – “ก็มีนะครับ มีคิดบ้างในหัว แต่ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องมีลูกมีหลาน คือยังไม่มองพุ่งไปทางนั้น เราแฮปปี้ที่คบกันอยู่แล้วครับ”

วีรนุช จันทำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน