คดีแตงโมเสียชีวิตจากการตกเรือสปีดโบ๊ต กลับมาเป็นข่าวเกรียวกราวอีกรอบ ว่าด้วยเงินๆ ทองๆ โดยเป็นการพูดคุยเจรจาว่าด้วยเงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตตามที่ศาลนัดหมาย ซึ่งผลลงเอยด้วยดี เมื่อแม่ของแตงโมพอใจตัวเลขที่กลุ่มจำเลยหรือแก๊งสปีดโบ๊ตยอมชดใช้ให้
สรุปว่าในส่วนที่เป็นคดีแพ่ง คงจบสิ้นไปแล้ว ลงตัวที่ตัวเลขเงินก้อน 2 ล้านบาท กับเงินรายเดือน เดือนละ 30,000 บาท เป็นเวลา 20 ปี
จากที่เคยเป็นข่าวหลังเกิดเหตุใหม่ที่ว่ากันถึง 30 ล้าน ลงเอยก็อยู่ที่ 9 ล้านเศษๆ
เป็นอันเสร็จสิ้น โดยเป็นข้อตกลงต่อหน้าศาล
แต่ในส่วนคดีอาญาซึ่งอัยการส่งฟ้อง 6 จำเลย ก็ยังต้องดำเนินต่อไป
ในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
พอเริ่มเข้าสู่กระบวนการนัดสืบพยาน ถ้าสนใจติดตามกันต่อไป ก็จะได้รู้รายละเอียดของพยานหลักฐานต่างๆ
จะได้รู้ว่า เหตุใดคดีนี้บทสรุปจากพนักงานสอบสวนตำรวจ และกลั่นกรองในชั้นอัยการ จึงเป็นความผิดฐานประมาท
ทำไมจึงไม่ใช่คดีฆาตกรรม!!
ถึงเวลาสืบพยานเปิดหลักฐานต่างๆ คงมีอะไรมากกว่าที่เคยเป็นข่าว เพราะหลายอย่างเป็นเรื่องความลับในสำนวน เปิดก่อนไม่ได้
เมื่อถึงชั้นศาล พยานหลักฐานผลตรวจพิสูจน์ต่างๆ ของตำรวจ ถึงเวลาได้เปิดกันแล้ว จะได้รู้ว่าทำไมจึงสรุปว่าเป็นคดีที่เกิดจากความประมาท ไม่ใช่การจงใจฆ่า
ขณะเดียวกัน ผ่านมาจนถึงวันนี้เป็นเวลา 7 เดือนเข้าไปแล้ว
ต้องยอมรับความจริงว่า ยังไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นใดอีกเลย
โดยเฉพาะกลุ่มที่เคลื่อนไหวยืนยันว่าเป็นคดีฆ่าแน่ๆ แต่วันนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้!
แน่นอนว่า กระแสของคนในสังคมไม่ค่อยเชื่อถือตำรวจกันนัก
พอตำรวจสรุปว่าไม่ใช่การฆ่า แต่เป็นการตกเรือไปเอง เพราะความประมาทของคนบนเรือ กลายเป็นค้านสายตาประชาชนคนดู
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่ตรวจสอบการทำคดีของตำรวจอย่างหนัก
ไม่เชื่อตำรวจไปเสียทุกเรื่อง ค้านไปเสียทุกมุม
แต่ทั้งหมดเป็นเพียงค้านด้วยความเชื่อด้วยข้อสังเกต แต่ไม่เป็นหลักเป็นฐาน
สำคัญต้องมีพยานหลักฐานบ่งชี้เรื่องการฆ่า เอามายืนยันกันได้
ถ้าไม่มีพยานหลักฐานการฆ่า จะให้ตำรวจไปสรุปคดีว่าเป็นฆาตกรรมก็คงไม่ได้!?!
วงค์ ตาวัน