วอนรัฐอัดฉีดเม็ดเงิน-คลอดมาตรการเยียวยา

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ชี้ดัชนีค้าปลีกเดือนต.ค. ไม่สดใส จากปัจจัยลบยังรุมเร้า วอนรัฐเร่งอัดฉีดเม็ดเงิน และออกมาตรการเยียวยาภาคครัวเรือน-ผู้ประกอบการ

นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ผลการสำรวจความเชื่อมั่น (Retail Sentiment Index) ของผู้ประกอบการค้าปลีกประจำเดือนต.ค.2565 พบว่า ดัชนี RSI ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพียง 1.3 จุด เมื่อเทียบกับดัชนีเดือนก.ย. และอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนชั่วคราวจากจำนวนวันหยุดยาวที่มีมากกว่าเดือนก.ย. มาช่วยชดเชยกำลังซื้อที่อ่อนแอ โดยมีการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยของยอดใช้จ่ายต่อครั้ง ยอดขายสาขาเดิม และความถี่ของผู้ใช้บริการ

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาการบริโภคตามประเภทร้านค้า พบว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า, ร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต, ร้านอาหาร ปรับเพิ่มขึ้น จากการแข่งขัน ด้านกลยุทธ์ และราคา เพื่อกระตุ้นยอดขายในเดือนที่มี วันหยุดยาว สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของกำลังซื้อระดับบน ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการร้านซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ปรับลดลง ตามสถานการณ์ฝนตกชุกและอุทกภัยในบางพื้นที่ บ่งบอกถึงผู้บริโภคกำลังซื้อระดับฐานรากในต่างจังหวัดยังอ่อนแอ

นอกจากนี้ จากการสำรวจยังพบอีกว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ปี 2563-2564) ธุรกิจ 61% ต้องลดระดับการจ้างงานลง สะท้อนถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดที่ค่อนข้างรุนแรง ในขณะที่หลังการผ่อนคลายความเข้มงวด (ปี 2565) ธุรกิจกว่า 48.8% ยังไม่ฟื้นตัว ยังมีการจ้างงานในระดับต่ำกว่าเดิม 10-20% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนวิกฤตโควิด ภาครัฐควรต้องใส่มาตรการต่างๆ ทั้งการกระตุ้นการจับจ่ายและส่งเสริมธุรกิจให้ฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน เพื่อเร่งกลไกเศรษฐกิจทั้งระบบ ให้พลิกฟื้นโดยเร็วอย่างตรงเป้าและต่อเนื่อง

“สรุปภาพรวมดัชนีความเชื่อมั่นยัังคงกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคส่วนใหญ่ ยังไม่ฟื้นตัว และสถานการณ์อุทกภัยหลายพื้นที่ รวมถึงต้นทุนค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มสูง ค่าสาธารณูปโภค และการประกาศปรับค่าแรงขั้นต่ำ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีก จึงต้องการให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการเยียวยาให้กับ ผู้บริโภคทั้งระดับบนและระดับฐานราก อาทิ การนำมาตรการคนละครึ่ง หรือ ช้อปดีมีคืน กลับมาใช้อีกครั้ง รวมถึงมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินของภาครัฐในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน