iPad จากแอปเปิ้ล แท็บเล็ตซึ่งเป็นที่รู้จักและสังเกตได้ง่ายที่สุดในบรรดาแท็บเล็ตทุกค่ายในตลาดปัจจุบัน ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกหลักที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุดแม้จะผ่านมาแล้ว 9 เจเนอเรชั่น

ปี 2565 กำลังจะผ่านไป iPad เป็นรุ่นที่ 10 แล้ว ปรับเปลี่ยนโฉมหน้าจากรุ่นก่อนๆ ที่ขอบจอภาพหนาเตอะ ปุ่มโฮมที่ทำหน้าที่เซ็นเซอร์ Touch ID ท่ามกลาง iPad รุ่นอื่นๆ ที่แอปเปิ้ลพัฒนาให้แตกต่างทั้งรูปร่าง ขนาด และฟีเจอร์ อย่างไรก็ดี iPad (10th Gen) ยังคงรักษาความเป็นตัวเลือกหลักข้างต้นไว้ต่อไปได้หรือไม่

Apple iPad (10th Gen) เปิดตัวเดือนต.ค.ที่ผ่านมา พร้อม iPad Pro ผ่านทางบล็อกของแอปเปิ้ล แต่แอปเปิ้ลสร้างความประหลาดใจให้หลายคนไม่น้อย จากรูปร่างหน้าตาของ iPad นั้นเปลี่ยนไป

iPad (10th Gen) หน้าจอ Liquid Retina IPS LCD ขนาด 10.9 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 500 นิต ความละเอียด 1,640 x 2,360 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 264 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (PPI) หน้าจอกินพื้นที่ร้อยละ 80.5 ของหน้าเครื่อง

วัสดุทำจากอะลูมิเนียม ขอบแบนเรียบ เซ็นเซอร์ Touch ID ย้ายจากขอบด้านล่างจอภาพไปไว้ที่ปุ่มเปิด-ปิดขอบด้านข้างของเครื่อง ช่องหูฟังมินิสเตอริโอถูกนำออกไป เช่นเดียวกับช่องเชื่อมต่อ Lightning port ที่เปลี่ยนมาเป็นช่อง USB-C มีสีสันให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ สีเงิน ฟ้า ชมพู และเหลือง

ด้านหลังมีประกายสีกลมกลืนกับขอบ พร้อมกล้องถ่ายภาพความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ได้รับการปรับปรุงให้มีช่องรับแสงกว้างขึ้นกว่า iPad ปีที่แล้ว กล้องเซลฟี่ด้านหน้ามีสเป๊กเหมือน iPad ปีที่ผ่านมา แต่เปลี่ยนตำแหน่งจากขอบบนเวลาถือแนวตั้ง มาเป็นขอบบนเวลาถือแนวนอน การย้ายตำแหน่งดังกล่าวเป็นครั้งแรกใน iPad








Advertisement

ภายในเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลได้ 2 แบบ ได้แก่ 64 และ 256 กิกะไบต์ (GB) รวมถึงตัวเลือกการเชื่อมต่อรุ่นเฉพาะ Wi-Fi อย่างเดียว หรือรุ่น Wi-Fi พร้อมสัญญาณ 5G ขณะที่ชิพประมวลผลเป็นชิพ A14 Bionic สร้างขึ้นจากสถาปัตยกรรมขนาด 5 นาโนเมตร (nm)

แอปเปิ้ล ระบุ iPad (10th Gen) ใช้งานเล่นภาพยนตร์หรือท่องเว็บไซต์ได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง แน่นอนว่ารุ่นเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ 5G จะมีระยะเวลาการใช้งานน้อยกว่าแบบ Wi-Fi เล็กน้อย

การชาร์จ รองรับกำลังไฟสูงสุด 20 วัตต์ (W) แต่แอปเปิ้ลไม่ได้เปิดเผยขนาดแบตเตอรี่ ส่วนเว็บไซต์ gsmarena ระบุ มีขนาด 28.6 วัตต์ต่อชั่วโมง (Wh)

อีกหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงที่สุดคือ ราคาที่สูงขึ้นกว่ารุ่นก่อน โดยราคาอย่างเป็นทางการจากเว็บไซต์ แอปเปิ้ล เริ่มต้น 17,900 ไปจนถึง 29,900 บาท ไม่นับรวมค่าอุปกรณ์เสริม อาทิ Magic Keyboard Folio และ Apple Pencil รวมถึงบริการ AppleCare+ ตลอดจนอะแดปเตอร์ USB-C สำหรับชาร์จ

รวมแล้วน่าจะมีราคาสูงจนสามารถซื้อโน้ตบุ๊กอย่าง MacBook Air ได้เลย ผู้กำลังมองหาแท็บเล็ตพื้นฐานราคาประหยัดเรียกว่าหมดสิทธิ์ เพราะ iPad (10th Gen) ไม่ใช่แท็บเล็ตแบบนั้นแน่นอน

ไรอัน เฮนส์ ผู้ทดสอบจากเว็บไซต์แอนดรอยด์อูธอริตี ระบุข้อดีของ iPad (10th Gen) เริ่มที่การปรับเปลี่ยนรูปโฉมซึ่งเป็นสิ่งที่บรรดาสาวกเรียกร้องมานานหลายปี โดยเฉพาะการนำขอบหนาเตอะออกไป ทำให้ iPad ดูทันสมัยมากขึ้น

โครงสร้างอะลูมิเนียมของเครื่องมีความแข็งแรง ขนาดกว้าง 179.5 ยาว 248.6 หนา 7 มิลลิเมตร น้ำหนักเพียง 477 กรัม (Wi-Fi) และ 481 กรัม (Cellular) เรียกว่ารูปร่างใกล้เคียง iPad Air รุ่นใหม่ รวมถึงการคัดสรรสีที่ฉูดฉาดเตะตามาให้เลือก ช่วยส่งให้ iPad (10th Gen) ดูโดดเด่นไม่ล้าสมัย

iPad (10th Gen) ยังมาพร้อมลำโพงสเตอริโอเสียงยอดเยี่ยม (อยู่ทั้งสองด้านเวลาถือแนวนอน) เปลี่ยนจากเดิมที่เป็นลำโพงแบบโมโน ปุ่ม Touch ID เปลี่ยนตำแหน่งไปตามที่บอกไว้ข้างต้น มีความถูกต้องแม่นยำสูง

นอกจากนี้ iPad (10th Gen) ยังถือเป็น iPad รุ่นแรกที่เปลี่ยนอัตราส่วนจอภาพจาก 4 : 3 เป็น 23 : 16 (เหมือน iPad Air) ส่งผลให้ iPad กลายเป็นแท็บเล็ตที่ใช้แนวนอนเป็นหลัก

การชมภาพยนตร์ทั่วไป ไม่เต็มจอ ยังมีแถบสีดำทั้งบนและล่าง แต่ถือว่าบางลงกว่า iPad รุ่นก่อนมาก ด้วยเหตุนี้ แอปเปิ้ลจึงเปลี่ยนตำแหน่งกล้องเซลฟี่ให้สอดคล้องกัน ส่วนคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถใช้ FaceTime และถ่ายภาพเซลฟี่ได้เป็นครั้งคราว

กล้องหลังความละเอียด 12MP ให้คุณภาพในเกณฑ์ดี ใช้เซ็นเซอร์ภาพรุ่นเดียวกับกล้องหลัง iPhone SE (2022) ให้ภาพคมชัดและสวยงามในสภาพแสงเพียงพอ

ซอฟต์แวร์ ใช้ระบบปฏิบัติการ iPadOS 16 โดยนายเฮนส์กล่าวเปรียบเทียบมีฟีเจอร์คล้ายคลึงกับ Andriod 12L จุดเด่นที่ทาสก์บาร์ ซึ่งรวบรวมเอาแอพพลิเคชั่นที่ใช้บ่อยไว้ ทำให้เข้าถึงได้ตลอดเวลา และผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอพฯ อื่นๆ ผ่าน App Library

แน่นอนว่าแอพฯ ทั้งหมดได้รับการออพติไมซ์จากแอปเปิ้ลแล้ว ทำให้รันได้อย่างราบรื่น รวดเร็วและประหยัดพลังงาน เป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับแอพฯ ฝั่งแอนดรอยด์ ยกเว้น Instagram ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดเหตุใดไม่ได้รับการเหลียวแลจากแอปเปิ้ล

อีกความได้เปรียบของ iPad (10th Gen) เป็นความราบรื่นของการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นของแอปเปิ้ล ไม่ว่า iPhone หรือ Apple Watch ทั้งยังทำหน้าที่เป็นจอแสดงผลที่สองให้เครื่อง Mac ได้ด้วย ขณะที่ฟีเจอร์ Universal Control ทำให้ใช้แป้นพิมพ์และเมาส์ได้กับทุกผลิตภัณฑ์ที่กล่าวมา ไม่ต้องแยกควบคุมเป็นชิ้นๆ ให้ลำบาก

แม้ขุมพลังอย่างชิพ A14 Bionic อาจไม่ใช่ชิพล่าสุดที่มีประสิทธิภาพหวือหวาอีกแล้ว แต่ยังรองรับการทำงานได้ครบเครื่อง ทำให้ iPad (10th Gen) รับมือการใช้งานได้ทุกรูปแบบโดยไม่สะดุด ไม่ว่าการใช้งานทั่วไป จนถึงการเล่นเกม AAA ที่จากการทดสอบพบว่าเล่นโดยไม่มีปัญหาความร้อนได้ยาวนาน 1-2 ชั่วโมง แตกต่างจากแท็บเล็ตและมือถือแอนดรอยด์ส่วนใหญ่ที่มักเกิดปัญหาความร้อนสูง (สูบแบตฯ และเฟรมเรตตก) หลังเล่นเกมใน 1 ช.ม.

ระยะเวลาใช้งานจริงพบว่า เป็นไปตามที่แอปเปิ้ลโฆษณาไว้ ส่วนการชาร์จจนเต็มใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง ถือเป็นมาตรฐานแท็บเล็ตทั่วไป ไม่ได้โดดเด่น

นายเฮนส์กล่าวว่า แม้ iPad (10th Gen) จะมีหลายส่วนได้รับการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น แต่ยังมีบางส่วนที่ด้อยเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตคู่แข่งค่ายอื่น โดยเฉพาะ Samsung Galaxy Tab A8 ที่ยังมีช่องหูฟังมินิสเตอริโอ

นอกจากนี้ จอภาพแม้มีขนาดน่าพอใจ แต่มีความหนาแน่นพิกเซลค่อนข้างต่ำสำหรับแท็บเล็ตราคาสูงขนาดนี้ ขณะที่กระจกด้านหน้ามีอัตราการสะท้อนสูง เนื่องจากทำจากวัสดุง่ายต่อการเปลี่ยนกรณีตกแตก แลกกับประสบการณ์ในการใช้ที่ลดลง

อีกหนึ่งจุดน่าเสียดายคือ USB-C ที่แอปเปิ้ลนำมาใช้ใน iPad เป็นครั้งแรก มีอัตราการส่งข้อมูลเพียง 480 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) เทียบได้กับ USB 2.0 และเท่ากันกับ Lightning port ที่นำออกไป เทียบไม่ได้กับ USB-C ของ iPad Pro ที่มีอัตราการส่งข้อมูลถึง 40 กิกะบิตต่อวินาที (Gbps) iPad Air (10 Gbps) และ iPad Mini (5 Gbps)

ขณะที่ Apple Pencil ที่ใช้ได้กับแท็บเล็ตรุ่นนี้ต้องเป็นรุ่นแรกเท่านั้น และไม่ได้แถมมาให้ ที่สำคัญ Apple Pencil ชาร์จผ่าน Lightning port หมายความว่า หากรักจะใช้ก็ต้องหาดองเกิ้ลแปลงพอร์ตมาใช้ชาร์จ ซึ่งแน่นอนว่าทางแอปเปิ้ลมีจำหน่าย (แฮร่)

สรุป iPad (10th Gen) เป็นแท็บเล็ตที่ดี แต่ราคาที่เพิ่มขึ้นทำให้กลุ่มผู้ใช้ iPad รุ่นนี้หายากขึ้น หากเป็นแท็บเล็ตสำหรับนักเรียนทั่วไปย้อนกลับไปซื้อรุ่นก่อนหน้านี้ได้ราคาถูกกว่ามาก หากต้องการขนาดพกพาก็ควรพิจารณา iPad Mini ขณะที่ iPad Air ทรงพลังและมีฟีเจอร์มากกว่า โดยราคาไม่แตกต่างกันมากนัก ยิ่งผู้ชื่นชอบการใช้สไตลัสยิ่งสับสนมึนงงกับ Apple Pencil ที่ต้องอาศัยดองเกิ้ลในการต่อชาร์จ เพราะมีพอร์ตคนละแบบ

แม้แท็บเล็ตรุ่นนี้คงไม่ทำให้ผู้ที่ซื้อไปผิดหวัง เพราะเต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและฟีเจอร์รอบด้านอยู่แล้ว แต่ iPad พื้นฐานที่เคยเป็นแท็บเล็ตสำหรับทุกคนกลับกลายเป็นแท็บเล็ตที่ไม่แน่ใจว่าแอปเปิ้ลจะขายให้ใครเมื่อมาถึงรุ่นที่ 10

ทีมข่าวสดไอที
ภาพ Apple/Andriod Authority/ZDnet

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน