ต่อให้วางแผนมาดีเพียงใด ทุกคดีอาชญากรรมก็ย่อมมีช่องโหว่ ตามทฤษฎีที่ว่า “อาชญากรย่อมทิ้งร่องรอยไว้เสมอ อยู่ที่ว่าผู้สืบสวนสอบสวนจะค้นหาร่องรอยหลักฐานนั้นพบหรือไม่”

ย้อนไปเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 พ.ย. 2565 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกันแถลงข่าว ผลการจับกุมคดีสำคัญในพื้นที่ บช.ภ.1หลายคดี หนึ่งในนั้นคือคดีคนร้ายปล้นร้านทองในห้างสรรพสินค้าโลตัสสาขาเสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ทองรูปพรรณ ไปจำนวน 68 เส้น น้ำหนักรวมประมาณ 86 บาท ราคาประมาณ 2,600,000 บาท ก่อนหลบหนีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ตู้ พร้อมกับนำระเบิดปลอมวางไว้หน้าห้าง เพื่อถ่วงเวลา เป็นการกระทำที่อุกอาจมาก

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 แถลงผลจับกุม

โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 พ.ย. ร.ต.อ.สกล โตจีน รองสว.สอบสวน สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงสร้อยคอทองคำจากร้านทองเยาวราช เอ็มโกลด์ ภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาเสนา ต.บางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีทัต สีดารักษ์ ผกก.สภเสนา พ.ต.อ.พิษณุ ต๊ะปินตา ผกก.สอบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.เชิดศักดิ์ นัยนา รอง ผกก.(สอบสวน) และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน

ตร. เก็บหลักฐาน

พบพนักงานในร้านทองอยู่ในการตกใจ ตู้กระจกที่โชว์ทอง ถูกคนร้ายทุบแตกเสียหาย สร้อยคอทองคำทองรูปพรรณตกกระจายเกลื่อนพบรอยกระสุนปืน 1 นัด

พนักงานสาวของร้าน เล่าเสียงสั่นว่า คนร้ายเป็นชายสวมเสื้อ แจ็กเกตสีดำ หมวกกันน็อกสีดำ เดินตรงเข้ามาที่ร้านก่อนบอกว่ามาปล้นนะ จากนั้นก็ยิงปืนเข้ามาภายในร้าน พนักงานทุกคนต่างพากันหลบ ก่อนคนร้ายเข้าไปทุกกระจกและกวาดเอาสร้อยคอทองคำจำนวน 68 เส้น น้ำหนักรวม 86 บาทหลบหนีไป

ขณะที่พยานซึ่งเป็นร้านค้าอยู่ตรงทางเข้าออกของห้าง บอกว่า หลังคนร้ายก่อเหตุได้วิ่งออกมา ถือปืนส่ายไปมา พร้อมได้วางท่อ PVC ทำด้วยเทปและสายไฟมีนาฬิกาคล้ายระเบิดวางไว้ด้านหน้า ก่อนที่จะขับขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีเทาดำหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วเป็นวัตถุระเบิดปลอม คาดต้องการถ่วงเวลา








Advertisement

นาทียิงปืนข่มขู่

หลังเกิดเหตุตำรวจไล่แกะรอยเส้นทางของคนร้ายพบว่าหลบหนีมุ่งหน้ามาทางวัดบางปลาหมอแล้วหายไป คาดอาจมีการเปลี่ยนรถ จนเมื่อวันที่ 9 พ.ย. พ.ต.อ.ธีทัตรับแจ้งมีผู้พบรถจยย. ถูกทิ้งจมน้ำในพงหญ้าข้างทาง ถนนสายวัดบางปลาหมอ – หัวเวียง บริเวณ ม.6 ต.น้ำเต้า อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ห่างจากห้างที่เกิดเหตุ 3-4 ก.ม. จึงนำรถขึ้นมาตรวจสอบ พบว่าเป็นรถคันเดียวกับที่คนร้ายใช้ก่อเหตุจึงนำไปตรวจสอบหาที่มาของรถทันที

ในที่สุดตำรวจก็จับกุมคนร้ายได้ 3 คน คือนายศักดา เฮงสวัสดิ์ อายุ 47 ปี อยู่ ชาว อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา(คนวางแผน), นายนรากร ข้องหลิม อายุ 27 ปี ชาว จ.ชัยนาท (คนก่อเหตุ) และนายกฤชรัชญ์ เรียบฮวด ชาว จ.ชัยนาท (คนพาหลบหนี) แต่ทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ

คุมผู้ต้องหาฝากขัง

ตัดมาที่การแถลงข่าว พล.ต.ท.จิรพัฒน์ เผยว่า ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนสอบสวน จากตำหนิรูปพรรณ ลักษณะการแต่งกายของคนร้าย สืบสวนจากภาพกล้องวงจรปิด สอบสวนพยาน และการตรวจพิสูจน์จากนิติวิทยาศาสตร์ ถึงแม้คนร้ายจะมีการเตรียมการวางแผนในลักษณะต่างๆมาอย่างดี เจ้าหน้าที่ ตำรวจสามารถสอบสวนสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกหมายจับ ผู้ต้องหาก่อนจับกุมตัวได้

ขณะที่พล.ต.ต.พีระพงศ์ เผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันสืบสวน ติดตามพฤติกรรมของคนในพื้นที่ คนนอกพื้นที่ คนที่มีประวัติอาชญากรรม กล้องวงจรปิด โทรศัพท์มือถือ และทางนิติวิทยาศาสตร์ จนได้พยานหลักฐานว่ารถจยย.ของคนร้ายหลบหนีไปตามถนนสายวัดบางปลาหมอ-หัวเวียง แล้วหายไประหว่างทาง แต่พบรถกระบะสีขาว 4 ประตูขับมาในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน จึงสืบสวนจากรถกระบะจนทราบตัวผู้ต้องสงสัยและเฝ้าติดตามพฤติกรรม ต่อมากลุ่มของ ผู้ต้องสงสัยนำทองรูปพรรณจำนวนหนึ่งไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่งในย่านนวนคร จ.ปทุมธานี จึงนำไปสู่การเข้าควบคุมตัว

ความยากของคดีเป็นเรื่องของหลักฐานบางอย่างล่าช้า เช่น คนร้ายก่อเหตุแค่ 2 นาที แต่กว่าจะได้ภาพจากกล้องวงจรปิดจากทางร้าน ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงถึงจะได้ภาพมา แต่เรายังได้ความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะตำรวจพิสูจน์หลักฐาน คดีนี้คนร้ายถึงจะไม่ยอมรับสารภาพ แต่พยานหลักฐานต่างๆที่เรามีทั้งหมดสามารถดำเนินคดีได้แน่นอน ไม่ยอมรับสารภาพโทษจะได้หนักรับโทษเต็มๆ ไป

สุทธิพร กองสุทธิผลเรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน